New! Sign in to manage your account, view your records, download reports (PDF/CSV), and view your backups. Sign in here!
Share this article:

อาหารสำหรับคนท้อง: อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง สารอาหารที่ควรเพิ่ม และเคล็ดลับทั่วไป

ถ้าคุณสงสัยว่า “ขณะท้องกินอะไรได้บ้าง?” และ “มีอาหารใดที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง?” บทความนี้มีคำตอบ ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำแนะนำเรื่องโภชนาการสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และสารอาหารสำคัญที่ควรรวมไว้ในอาหารประจำวันของคุณ

ตัวเลือกอาหารสุขภาพและคำแนะนำโภชนาการสำหรับคนท้อง รวมถึงอาหารที่ควรเลี่ยงและสารอาหารจำเป็น

ถ้าคุณเพิ่งทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ – ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ! การตั้งครรภ์คือช่วงเวลาสำคัญที่เปลี่ยนแปลงทั้งทางจิตใจ อารมณ์ และที่สำคัญที่สุดคือร่างกาย คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อรองรับการตั้งครรภ์และลูกน้อยที่กำลังเติบโตในตัวคุณ

ในช่วงนี้ เชื่อว่าคุณมีคำถามมากมาย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร คนท้องต้องการโภชนาการเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงด้านสุขภาพสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอาหารตลอดการตั้งครรภ์

คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับอาหารสำหรับคนท้อง

หนึ่งในสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ คือการเปลี่ยนแปลงของความอยากอาหารและพฤติกรรมการกิน บางคนอาจรู้สึกหิวบ่อยหรืออยากกินอาหารบางอย่างเป็นพิเศษ ขณะที่บางคนอาจแพ้ท้องหนักจนกินได้เพียงอาหารบางชนิดเท่านั้น

การตั้งครรภ์คือภารกิจที่ใช้พลังงานสูงมาก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับ พัฒนาเด็กน้อยและรก ตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “ต้องกินเผื่อสองคน” แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการพลังงาน ประมาณ 1,600 ถึง 2,400 แคลอรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละคน การตั้งครรภ์ควรเพิ่มพลังงานแค่ 300-450 แคลอรี่ หลังจากไตรมาสแรก ซึ่งเทียบได้กับขนมปังปิ้งอะโวคาโดใส่ไข่หรือช็อกโกแลตแท่งขนาดกลางหนึ่งแท่งต่อวัน

คำแนะนำทั่วไปเรื่องอาหารสำหรับคนท้อง:

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ (น้ำหนักอาจเพิ่ม 11-16 กิโลกรัม หรือ 25-35 ปอนด์ตลอดการตั้งครรภ์)
  • เคลื่อนไหวและออกกำลังกายเบา ๆ หากแพทย์ไม่สั่งห้าม
  • เลือกกินอาหารให้หลากหลายครบหมู่
  • ทานอาหารเสริมหรือวิตามินที่แพทย์แนะนำ
  • ทานมื้อย่อย ๆ บ่อยขึ้นเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียน
  • ดื่มน้ำและเครื่องดื่มที่อุดมด้วยอิเล็กโทรไลต์ เช่น น้ำผลไม้ หรือซุป

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงขณะตั้งครรภ์

อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือ ‘มีอาหารอะไรที่คนท้องห้ามกินบ้าง?’ โดยทั่วไป ให้หลีกเลี่ยงอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนสูง

ตัวอย่างเช่น:

เนื้อสัตว์และไข่ดิบหรือปรุงไม่สุก

เนื้อดิบอาจมีเชื้อโรคเช่นซัลโมเนลล่า หรือลิสเทอเรีย ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษมากขึ้นขณะตั้งครรภ์ ภูมิคุ้มกันของแม่จะอ่อนแอลง และทารกในครรภ์ก็ยังป้องกันเชื้อโรคได้ไม่ดี การติดเชื้อแบคทีเรียหรือพยาธิในช่วงนี้อาจเป็นอันตรายร้ายแรง

ตัวอย่างอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • คาร์ปาชโช่ (Carpaccio)
  • สเต็กทาร์ทาร์ (Steak tartare)
  • เนื้อสัตว์สำเร็จรูป เช่น แฮม ไส้กรอก
  • ไข่ไม่สุก ไข่ลวก (แม้ปัจจุบันบางแหล่งบอกว่าสามารถกินได้แต่ควรรู้แหล่งที่มาของไข่)
  • ไข่เบเนดิกต์ (Egg Benedict) (เพราะซอสฮอลแลนเดสใช้ไข่ดิบ)
  • สเต็ก Rare ถึง Medium

ปลาและอาหารทะเลที่มีปรอทสูง และอาหารทะเลดิบ

ปรอทจะสะสมในร่างกายและอาจเป็นอันตรายต่อระบบประสาทของทารก หลีกเลี่ยงปลาที่มีปรอทสูง และหลีกเลี่ยงอาหารทะเลดิบทุกชนิดด้วยเหตุผลเดียวกับเนื้อดิบ

ควรจำกัดกินปลาที่มีปรอทสูง เช่น:

  • แมคเคอเรลตัวใหญ่ (King mackerel)
  • ปลาฉลาม
  • ปลาดาบ (Swordfish)
  • ปลาไทล์ (Tilefish)
  • ปลามาร์ลิน
  • ปลาทูน่าขาว (Albacore)
  • ปลาทูน่าเหลือง (Yellowfin tuna)
  • ปลาชิลีซีบาส
  • บลูฟิช
  • ปลาเก๋า (Grouper)

งดรับประทานปลาดิบ เช่น:

  • ซูชิ
  • หอยนางรม
  • ซาชิมิ
  • หอยเชลล์
  • หอยลาย
  • อาหารทะเลรมควัน

ผลิตภัณฑ์นมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์

อาจมีเชื้อลิสเทอเรียซึ่งเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อนกำหนด หรือทารกป่วยรุนแรง การพาสเจอร์ไรส์ช่วยกำจัดความเสี่ยงนี้

ควรหลีกเลี่ยง:

  • ชีสชนิดทาขนมปังที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
  • โยเกิร์ตหรือไอศกรีมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
  • ชีสบรี (Brie)
  • ชีสกาม็องแบร์ (Camembert)
  • ชีสโรเกอฟอร์ (Roquefort)
  • ชีสเฟต้า (Feta)
  • ชีสกอร์กอนโซลา (Gorgonzola)
  • เควโซเฟรสโก (Queso fresco)
  • เควโซบลังก้า (Queso blanco)
  • ชีสปาเนลา (Panela cheese)

อ่านเพิ่ม: คนท้องกินน้ำผึ้งดิบได้หรือไม่?

ผลไม้และผักที่ยังไม่ล้างสะอาด

อาจมีพยาธิท็อกโซพลาสมาที่เสี่ยงติดเชื้อและเกิดความผิดปกติหรือใช้แท้ง ต้องล้างผักผลไม้ให้สะอาดทุกครั้ง และล้างมือก่อนรับประทานอาหาร

งดแอลกอฮอล์และจำกัดคาเฟอีน

ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อภาวะ Fetal Alcohol Spectrum Disorders ส่งผลต่อพัฒนาการของทารก

คาเฟอีนในปริมาณมาก (เกิน 200 มก./วัน หรือกาแฟ 2-3 แก้ว) เพิ่มความเสี่ยงแท้งและลูกน้ำหนักน้อย

Advertisement


อาหารที่ควรเน้นช่วงตั้งครรภ์

หัวใจหลักของโภชนาการคนท้องคือการทานอาหารครบถ้วนและได้รับสารอาหารที่จำเป็นทุกวัน

อาหารที่สมดุลประกอบด้วย:

โปรตีนไม่ติดมัน

เพิ่มปลา ไข่ และโยเกิร์ตที่ผ่านพาสเจอร์ไรส์ซึ่งปรุงสุกดีแล้วในอาหารแต่ละวัน เลือกกิน เนื้อสัตว์ไม่ติดมันที่ปรุงสุก ธัญพืช เต้าหู้ เทมเป้ เพื่อเสริมสร้างร่างกายและการเติบโตของทารก

ธัญพืชไม่ขัดสี

อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และเกลือแร่ (วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ซีลีเนียม) รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนช่วยให้พลังงานยาวนาน

คนท้องสามารถทานได้ (ถ้าไม่แพ้อาหาร):

  • ข้าวกล้อง
  • ควินัว
  • ข้าวโอ๊ต
  • ข้าวสาลีไม่ขัดสี
  • ข้าวบาร์เลย์
  • บัลเกอร์
  • ลูกเดือย
  • บัควีท
  • ข้าวโพดไม่ขัดสี
  • ข้าวป่า

ผักและผลไม้

ทานผักและผลไม้สดหรือปรุงสุกที่ล้างสะอาดเป็นประจำระหว่างตั้งครรภ์ เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ แคลอรี่ต่ำ และสารต้านอนุมูลอิสระ ไฟเบอร์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและให้พลังงานอย่างต่อเนื่อง

ผักและผลไม้ที่แนะนำ:

  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่
  • ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต
  • แอปเปิ้ล
  • กล้วย
  • มะม่วง
  • สับปะรด
  • องุ่น
  • พีช
  • ลูกแพร์
  • แตงโมและแคนตาลูป
  • กีวี
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม เคล ผักกาดหอม
  • ผักตระกูล Cruciferous เช่น บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์
  • แครอท
  • มะเขือเทศ
  • พริกหวาน
  • แตงกวา
  • หัวหอม
  • กระเทียม
  • มันหวาน
  • ฟักทอง ซูกินี บัตเตอร์นัท
  • มะเขือยาว

อ่านเพิ่ม: คนท้องกินกล้วยได้ไหม?

ผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์

ควรปรึกษาแพทย์กรณีมีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์นม แต่โดยทั่วไปนมช่วยเสริมแคลเซียม วิตามินดี โปรตีน โพรไบโอติกส์ และไอโอดีน จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูก สมอง และระบบย่อยอาหารของทารก

ถ้าคุณไม่สามารถกินนมได้ ควรพิจารณาอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เช่น นมจากพืชที่เสริมแคลเซียม

เลือกดื่มนมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เช่น:

  • นมสด
  • โยเกิร์ต
  • กรีกโยเกิร์ต
  • คอทเทจชีส
  • ชีสแข็ง เช่น เชดดาร์ สวิส พาร์เมซาน
  • คีเฟอร์

ไขมันดี

ไขมันดีมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารก โดยเฉพาะสมองและดวงตา

ควรเพิ่มในอาหาร:

  • อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ซาร์ดีน เทราต์ เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด อัลมอนด์ ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์

สารอาหารหลักที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

นอกจากอาหารปกติ แพทย์อาจแนะนำอาหารเสริมหรือวิตามินเพิ่มเติม เนื่องจากความต้องการสารอาหารของทารกสูงขึ้นและบางครั้งอาหารปกติอาจไม่เพียงพอ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มวิตามินเสริมทุกครั้ง

วิตามินและเกลือแร่ที่แนะนำ:

กรดโฟลิก

รับวันละประมาณ 400-800 ไมโครกรัม

กรดโฟลิกจำเป็นต่อการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาททารก เช่น สไปนาบิฟิดา ควรเตรียมรับประทานกรดโฟลิกล่วงหน้าหากวางแผนตั้งครรภ์ หรือตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ทันที

ธาตุเหล็ก

รับวันละประมาณ 27 มิลลิกรัม

คนท้องต้องการเหล็กสูงขึ้นอย่างมาก ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการเพิ่มปริมาณเลือดแม่และช่วยพัฒนาเด็กน้อย รวมถึงรก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางและเพิ่มการนำออกซิเจนสู่ทารก

แคลเซียม

รับวันละประมาณ 1,000 มิลลิกรัม

ต้องเสริมแคลเซียมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงหยุดให้นม เพราะจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันของลูก หากรับไม่เพียงพอ ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกของแม่ อาจเสี่ยงต่อกระดูกพรุนในอนาคต

โอเมก้า-3

รับประมาณ 200-300 มิลลิกรัม DHA ต่อวัน

ช่วยพัฒนาสมองและสายตาของลูก ลดโอกาสคลอดก่อนกำหนด และน้ำหนักน้อย DHA ซึ่งเป็นโอเมก้า-3 ชนิดหนึ่ง มีความสำคัญต่อการสร้างสมองในไตรมาสที่ 3

วิตามินดี

รับวันละประมาณ 10 ไมโครกรัม

ทำงานร่วมกับแคลเซียมในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อาจลดความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์และครรภ์เป็นพิษ

รับมือกับอาการแพ้ท้อง

สิ่งที่คุณแม่หลายคนหนักใจคืออาการแพ้ท้อง ผู้หญิงประมาณ 70% จะพบอาการแพ้ท้องอย่างน้อยหนึ่งช่วง โดยเฉพาะในไตรมาสแรก อาจคลื่นไส้ เบื่ออาหาร หรืออาเจียน

แม้จะเรียกว่าคลื่นไส้ช่วงเช้า แต่ความจริงบางคนแพ้ทั้งวันในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และอาจนานกว่านั้นได้

วิธีช่วยลดอาการแพ้ท้อง:

  • รับประทานมื้อย่อย ๆ บ่อยขึ้น ไม่ปล่อยให้ท้องว่างเพราะกระตุ้นอาการคลื่นไส้
  • เลือกอาหารย่อยง่ายเช่น กล้วย ข้าวต้ม ซอสแอปเปิล ขนมปังปิ้ง (BRAT diet) เวลาคลื่นไส้หนัก
  • จิบน้ำ ชาขิง หรือน้ำมะนาวเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงกลิ่นแรงที่กระตุ้นการอาเจียน
  • พักผ่อนให้เพียงพอเพราะความเหนื่อยล้าทำให้อาการหนักขึ้น
  • ลองทานขิงทั้งในรูปแบบชาหรือเม็ดอม
  • บางคนอาจช่วยได้ด้วยการใส่สายรัดข้อมือแบบกดจุด (Acupressure wristbands)
  • ทานของว่างเล็กน้อยก่อนลุกจากเตียงในตอนเช้าเพื่อบรรเทาอาการแพ้ท้องแรก ๆ
  • หากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เรื่องยาบรรเทาอาการแพ้ท้องที่ปลอดภัย

ท้องแบบมังสวิรัติหรือวีแกน

คุณแม่ที่กินมังสวิรัติหรือวีแกนส่วนใหญ่สามารถตั้งครรภ์และคลอดลูกอย่างสุขภาพดีได้ แต่การได้รับสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมอาจยากขึ้น คนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนมากินเนื้อสัตว์ขณะตั้งครรภ์ควรเน้นอาหารจากพืชให้หลากหลายควบคู่วิตามินเสริมที่จำเป็น

งานวิจัยหนึ่งระบุว่า:


การรับประทานอาหารจากพืชที่สมดุล อุดมไปด้วยไฟเบอร์และไขมันต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ เบาหวานขณะตั้งครรภ์ และคลอดก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ประโยชน์เหล่านี้อาจหายไปหากเกิดการขาดสารอาหาร ไดเอทที่ขาดสารอาหารจำเป็นทั้งโปรตีน วิตามินบี 12 วิตามินดี แคลเซียม DHA และเหล็ก เสี่ยงต่อพัฒนาการผิดปกติของทารก เช่น น้ำหนักน้อย พัฒนาการสมองผิดปกติ และความผิดปกติแต่กำเนิดได้ ดังนั้น สาว ๆ ที่เลือกกินมังสวิรัติหรือวีแกนขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรใส่ใจเรื่องสารอาหารและวิตามินเสริมตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด

มังสวิรัติสมดุลสำหรับคนท้องควรประกอบด้วย:

แหล่งโปรตีน เช่น:

  • ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ (ถั่วแดง ถั่วลันเตา เป็นต้น)
  • ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช
  • อาหารจากถั่วเหลือง (เต้าหู้ เทมเป้)
  • ธัญพืชไม่ขัดสี
  • สำหรับมังสวิรัติที่ทานไข่และนม: ไข่และผลิตภัณฑ์นม

แหล่งธาตุเหล็ก:

  • ซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก
  • ผักใบเขียว (ผักโขม เคล)
  • ถั่วเมล็ดแห้ง
  • ผลไม้แห้ง

วิตามินบี 12:

  • อาหารเสริม เช่น นมพืชยี่ห้อที่มีวิตามินบี 12 หรือผงยีสต์เสริม
  • วิตามินเสริม (สำคัญมากสำหรับวีแกน)

แคลเซียม:

  • ผักใบเขียว
  • ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช
  • นมพืชเสริมแคลเซียม
  • สำหรับมังสวิรัติ: ผลิตภัณฑ์นม

โอเมก้า-3:

  • เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย วอลนัท
  • วิตามิน DHA จากสาหร่าย

วิตามินดี:

  • รับแสงแดด
  • อาหารเสริม
  • อาหารที่ผ่านการเสริมวิตามินดี

สังกะสี:

  • ธัญพืชไม่ขัดสี
  • ถั่วเมล็ดแห้ง
  • ถั่วเปลือกแข็ง
  • เมล็ดพืช

ไอโอดีน:

  • เกลือเสริมไอโอดีน
  • สาหร่ายทะเล (ในปริมาณที่เหมาะสม)

แนะนำให้ตรวจสุขภาพและตรวจเลือดเป็นประจำเพื่อเช็คภาวะสารอาหารขณะตั้งครรภ์และรับมือแต่เนิ่น ๆ

อาหารกับการตั้งครรภ์

การกินอาหารครบหมู่และได้รับสารอาหารที่จำเป็นในแต่ละวัน เป็นเคล็ดลับของการตั้งครรภ์อย่างมีสุขภาพดีและไร้กังวล ทั้งนี้ อาหารควรปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงของอายุครรภ์ หากต้องการทราบกำหนดคลอดและติดตามการเปลี่ยนแปลงในแต่ละไตรมาส ลองใช้ เครื่องคำนวณกำหนดคลอดของเรา ที่จะช่วยให้สาว ๆ ได้เข้าใจทุกช่วงการตั้งครรภ์และปรับตัวให้เหมาะกับลูกน้อยที่กำลังเติบโตค่ะ

ดาวน์โหลด WomanLog ได้เลย:

ดาวน์โหลดใน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

Share this article:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6470702/
https://www.healthline.com/nutrition/13-foods-to-eat-when-pregnant
https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/nutrition-during-pregnancy
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16566-morning-sickness-nausea-and-vomiting-of-pregnancy
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9182711/
https://www.fda.gov/food/people-risk-foodborne-illness/dietary-advice-and-during-pregnancy
Advertisement


ประจำเดือนครั้งแรกนับเป็นเหตุการณ์สำคัญช่วงวัยเจริญพันธุ์ หลังคลอด ประจำเดือนครั้งแรกอาจให้ความรู้สึกคล้ายเดิม จะปวดมากขึ้นและนานขึ้นไหม? จะเริ่มเมื่อไหร่? และหลังคลอดจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์นานแค่ไหน? ในบทความนี้เรารวบรวมคำตอบครบถ้วนให้คุณผู้หญิงค่ะ
หากคุณกำลังตั้งครรภ์ คุณคงอยากรู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยปกติหากเกิดการปฏิสนธิขึ้นในช่วงกลางรอบเดือน ตรงกับช่วงไข่ตก จะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ก่อนที่คุณจะสังเกตเห็นว่าประจำเดือนขาด แต่มีสัญญาณบ่งบอกการตั้งครรภ์อื่น ๆ หรือไม่? สัญญาณเหล่านั้นคืออะไร และปรากฏขึ้นเมื่อใด?
น้ำผึ้งคือขนมหวานเหนียวจากธรรมชาติอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติในการเยียวยา แต่สำหรับว่าที่คุณแม่ อาจสงสัยว่าน้ำผึ้งปลอดภัยสำหรับตนเองและลูกน้อยในครรภ์หรือไม่