ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

วัยแรกรุ่น

วัยแรกรุ่นเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ยอมรับวัยแรกรุ่น - ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่

เด็กผู้หญิงมักเข้าสู่วัยแรกรุ่นโดยเฉลี่ยระหว่างอายุ 9 ถึง 11 ปีและกินเวลาจนถึงอายุ 15 ถึง 17 ปี ในขณะที่เด็กผู้ชายจะเริ่มช้ากว่าเล็กน้อย โดยเริ่มประมาณอายุ 11–12 ปีและสิ้นสุดราว 16–17 ปี ระยะเวลาการเจริญเติบโตของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน การเติบโตช้าหรือเร็วกว่าคนรอบข้างเล็กน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ

การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในความหมายของคำว่า 'วัยแรกรุ่น' จะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปี ๆ พัฒนาการของแต่ละคนเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เกิดขึ้นด้วยจังหวะและวิธีการที่แตกต่างกัน เราไม่สามารถบังคับให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ แต่สามารถพยายามเรียนรู้และเข้าใจร่างกายของเรา

ในระดับฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลมาจากการส่งสัญญาณจากสมอง ฮอร์โมน GnRH ซึ่งมีชื่อเต็มว่า gonadotropin-releasing hormone จะไปกระตุ้นต่อมใต้สมอง (ซึ่งอยู่ที่ฐานสมอง) ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสองชนิดคือ LH (luteinizing hormone) และ FSH (follicle-stimulating hormone) ซึ่งทั้งสองฮอร์โมนนี้จะควบคุมการผลิตเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน โดยฮอร์โมนสองชนิดนี้มีอยู่ในทั้งผู้หญิงและผู้ชายแต่ในปริมาณต่างกันและมีผลต่อร่างกายแตกต่างกัน

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เด็กวัยรุ่นจะเจริญเติบโตทั้งด้านส่วนสูง รูปร่าง น้ำหนัก และลักษณะของขนในช่วงที่ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

ขนตามร่างกาย

การมีขนงอกขึ้นบริเวณที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นสัญญาณเริ่มต้นของวัยแรกรุ่น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะเริ่มมีขนขึ้นที่รักแร้และบริเวณอวัยวะเพศ ขนที่ขาและแขนก็จะหนาและเข้มขึ้น ลักษณะขนแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน—ลองสังเกตจากพ่อแม่เพื่อใช้เป็นแนวทางคร่าว ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร

ผู้ชายมักจะเริ่มมีขนบนใบหน้าในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ประมาณอายุ 15 ปี ขนที่เหนือริมฝีปากจะขึ้นก่อน ตามด้วยขนคางและใต้แนวขากรรไกร ซึ่งแต่ละคนก็จะเร็วกว่าหรือช้ากว่าไม่เท่ากัน บางคนอาจเห็นขนบาง ๆ ตั้งแต่อายุ 12 ปี ขณะที่บางคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังไม่มีหนวดเคราเต็มที่ก็มี

การดูแลขนบนร่างกายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญทั้งในทางสังคมและวัฒนธรรม แต่สุดท้ายแล้วคุณควรเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะดูแลหรือตกแต่งอย่างไร บางคนผิวไวแพ้หรือระคายเคืองง่ายหลังโกนขน มีผลิตภัณฑ์ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้มากมาย แต่บางครั้งก็ปล่อยให้ขนขึ้นอย่างธรรมชาติดีที่สุด

การเลือกบรา - สำรวจการตัดสินใจในการเริ่มใส่บราเมื่อหน้าอกเริ่มพัฒนา


ข้อควรคำนึงหากต้องการเริ่มโกนขน:

  • เลือกมีดโกนที่เหมาะสมกับตัวเอง ตั้งแต่มีดโกนธรรมดาจนถึงแบบไฟฟ้า มีให้เลือกหลายแบบ ศึกษาข้อมูลก่อน อย่าลืมใช้มีดโกนใหม่และสะอาดเสมอ
  • เปียกผิวหนัง ที่ต้องการโกน และใช้เจล ครีมหรือโลชั่นโกนขน ช่วยให้นุ่มขึ้น ลดแรงเสียดสีระหว่างใบมีดกับผิว หากโกนขนขาหรือขนบริเวณอวัยวะเพศ อาจทำระหว่างอาบน้ำเพื่อความสะดวกและเป็นส่วนตัว
  • ออกแรงกดเบา ๆ เพราะแรงกดมากเกินอาจทำให้ผิวหนังถลอกได้ ระวังบริเวณที่มีรอยนูนเช่น ข้อเท้า หัวเข่า ใต้ขากรรไกร และโดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ
  • เปลี่ยนใบมีดโกนบ่อย ๆ เพราะใบมีดทื่อจะดึงขนมากกว่าตัด และทำให้เศษขนหรือผิวหนังอุดตันได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกนร่วมกัน ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยควรใช้เฉพาะส่วนตัว

อวัยวะเพศ

นอกเหนือจากการมีขนขึ้นแล้ว สัญญาณหนึ่งของวัยแรกรุ่นในเด็กผู้ชายคือ องคชาติ และ อัณฑะ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น อัณฑะจะลดต่ำลงและถุงอัณฑะจะเข้มขึ้น อวัยวะเพศจะเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องหลายปี โดยปกติกว่าจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ก็อายุราว 18 ปี

ช่วงนี้ผู้ชายจะมี การแข็งตัวบ่อยขึ้น การแข็งตัวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและความถี่แตกต่างกันตั้งแต่วันละหนึ่งถึงหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับอายุ ความพร้อมทางเพศและปัจจัยอื่น ๆ (การแข็งตัวเองโดยไม่มีสาเหตุก็เป็นเรื่องปกติ) การแข็งตัวขณะหลับนั้นนำไปสู่การหลั่งน้ำอสุจิหรือที่เรียกว่า ‘ฝันเปียก’ ด้วย ซึ่งพบได้บ่อยในวัยแรกรุ่นเมื่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้น ควบคุมกระบวนการนี้ไม่ได้อาจน่ารำคาญหรืออาย แต่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลย

สำหรับเด็กผู้หญิง อวัยวะเพศภายนอก (วูลวา) จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่และชัดเจนขึ้น แคมใหญ่มักเห็นได้ชัดเจนขึ้น แคมเล็กก็พัฒนา รอยแยกแคมใหญ่กับคลิตอริสจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมักเกิดก่อนจะมีประจำเดือนไม่กี่ปี

หน้าอก

การเริ่มต้นเกิดขึ้นด้วยการบวมเล็ก ๆ ใต้หัวนม อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยร่วมด้วย จะสังเกตเห็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ใต้หัวนม (หลายคนเรียกว่า breast bud) ซึ่งจะขยายใหญ่ขึ้นตามเวลา หัวนมและผิวรอบหัวนม (Areola) จะขยายและเข้มขึ้น บางทีหน้าอกข้างหนึ่งจะโตเร็วกว่าข้างหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แทบจะไม่มีใครหน้าอกสมมาตรเป๊ะ ๆ

ข้อควรคิดก่อนโกนขน - สิ่งสำคัญที่ควรระวังเมื่อเริ่มต้นโกนขน


เมื่อหน้าอกเริ่มพัฒนา อาจรู้สึกต้องการใส่บรา เป็นสิ่งช่วยเหลือโดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว เพราะหน้าอกที่กำลังโตจะไวต่อการกระแทก การใส่บราใหม่อาจจะรู้สึกแปลก ต้องใช้เวลาหาขนาดและรูปทรงที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะดูจากตัวเลข (รอบอกใต้หน้าอก) และตัวอักษร (ขนาดคัพ) ถ้าเลือกบราเองครั้งแรก อาจขอคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่มีประสบการณ์ หรือขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้าน


“ขนาดและรูปร่างของหน้าอกมักเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและเป็นที่มาของความไม่มั่นใจสำหรับเด็กผู้หญิงและผู้หญิงหลายคน หากมุมมองต่อหน้าอกของตนเองในวัยเยาว์ไม่ดีจะทำให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับบราและสุขภาพเต้านม ทำให้ขาดความรู้ที่จำเป็นและเสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดอย่างถาวร แม้แต่ท่าทางของร่างกายก็ได้รับผลเสียหากพยายามงอหลังเพื่อปิดบังหน้าอก”—จากบทความ  Breasts and Breastfeeding.

‘Shark week’

ประจำเดือนครั้งแรกจะมาประมาณ 2–2.5 ปีหลังจากหน้าอกเริ่มโต ในช่วงแรกอาจมาไม่เป็นเวลา เพราะร่างกายต้องใช้เวลาปรับสมดุลฮอร์โมน ต่อมาจะคงที่ภายใน 1 ปี แต่บางคนก็อาจใช้เวลานานกว่านั้น สัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายพร้อม เช่น มีตกขาวใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อยในกางเกงในก่อนจะมีประจำเดือนประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

หญิงสาวส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุ 12–13 ปี แต่ช่วง 10 ถึง 15 ปีก็ถือว่าปกติ อาการแสดงทางกายก่อนมีประจำเดือน เช่น เจ็บหน้าอก ท้องอืด ตัวบวม ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปวดหัว สิวขึ้น ปวดท้อง นอนยาก เหนื่อยล้า ฯลฯ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน แต่ละคนประสบการณ์ต่างกัน ส่วนใหญ่ใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีขายทั่วไปช่วยบรรเทาอาการ ปรับวิถีชีวิตและดูแลสุขภาพก็ช่วยได้อีกเช่นกัน


ไม่ต้องอายที่จะถามหรือขออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดูแลประจำเดือน เพราะนี่เป็นเรื่องธรรมชาติ หากเตรียมตัวพร้อมจะจัดการได้ง่ายขึ้นและช่วยให้เป็นอิสระมากขึ้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอบเดือนประจำเดือนได้ที่นี่

กล้ามเนื้อ & น้ำหนัก

เทสโทสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นในผู้ชายจะส่งผลให้กล้ามเนื้อพัฒนา มีทั้งปริมาณ ความแข็งแรง และความทนทานชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะปอดและระบบหัวใจเจริญด้วย บางคนกล้ามเนื้อพัฒนาเร็วกว่าหรือช้ากว่าเพื่อนเพศเดียวกัน กล้ามเนื้อในเด็กผู้หญิงก็เพิ่มขึ้นช่วงวัยแรกรุ่นแต่โดยรวมจะไม่เด่นเท่าผู้ชาย

ผู้ชายจะสังเกตได้ว่าเสียงจะต่ำลง กล่องเสียงโตเร็วในวัยรุ่นจนเส้นเสียงตึงเกิดเป็นเสียงแตก เสียงเปลี่ยนไปนี้จะเกิดไม่นานเกินสองสามเดือน

น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาจไม่ถูกใจแต่สำคัญต่อพัฒนาการของร่างกาย ในวัยรุ่นร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารมากขึ้น จากเด็กที่รูปร่างบางกลายเป็นสาวมีส่วนโค้งเว้าก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าโฟกัสเฉพาะสิ่งที่ไม่ชอบจนปฏิเสธอาหาร เพราะการดูแลตัวเองสำคัญกว่าการรักษารูปลักษณ์ หากกังวลเกี่ยวกับน้ำหนัก สามารถปรึกษาผู้ปกครองหรือแพทย์เพื่อความมั่นใจว่าร่างกายยังพัฒนาเป็นปกติ

ผิวหนัง & เหงื่อ

เด็กวัยรุ่นทั้งเพศหญิงและชายจะมีการผลิตไขมัน (sebum) มากขึ้นจากรูขุมขน โดยเฉพาะบริเวณหลัง อก คอ ไหล่และใบหน้า ไขมันเป็นส่วนสำคัญของน้ำมันธรรมชาติในร่างกาย และช่วยดูแลผิว แต่ไขมันมากเกินไปจะทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน

ผลที่ตามมาคือ 'สิว' บางคนเป็นสิวเพียงเล็กน้อย แต่บางคนมีปัญหาผิวหน้าจนโตขึ้น ไม่ว่าจะผิวแบบไหน การดูแลพื้นฐานอย่างการล้างหน้าให้สะอาด เติมความชุ่มชื้นและป้องกันแสงแดดจะช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีขึ้น

เหงื่อ ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ต่อมเหงื่อจะทำงานมากขึ้นในวัยนี้ แม้เหงื่อจะไม่มีกลิ่น แต่แบคทีเรียบนผิวจะสลายเหงื่อจนเกิดกลิ่นเหม็น วิธีป้องกันคืออาบน้ำ หมั่นล้างตัวโดยเฉพาะรักแร้ เท้า และอวัยวะเพศ ใช้โรลออนหรือสเปรย์ลดเหงื่อก็ช่วยได้ โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย

การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ

นอกจากการเปลี่ยนทางร่างกายแล้ว ยังมีพัฒนาการทางอารมณ์และความคิดที่สำคัญ วัยรุ่นจะคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เข้าใจมุมมองผู้อื่น และรู้จักวิเคราะห์ตนเองมากขึ้น เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการสื่อสารและการอยู่ในสังคม ช่วงวัยนี้ยังเป็นเวลาที่สาว ๆ เรียนรู้วิธีรับมือกับปัญหาระหว่างวิกฤต ทบทวนและตั้งคำถามต่อแนวคิดหรือความเชื่อของผู้อื่น เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจตนเองและโลกมากขึ้น

ตัวตน

วัยแรกรุ่นคือช่วงพัฒนาความเป็นอิสระ ตัวตน และเริ่มสำรวจความรู้สึกทางเพศ วัยรุ่นจะสร้างระบบคุณค่าเป็นของตัวเองซึ่งอาจแตกต่างจากครอบครัว ต้องการเป็นที่ยอมรับของเพื่อน และห่างจากการขอการยืนยันความถูกต้องจากครอบครัวมากขึ้น ความรู้สึกอยากเข้ากลุ่มแต่ก็อยากมีเอกลักษณ์จะทำให้ไวต่อแรงกดดันจากสังคม

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนทำให้อารมณ์ของวัยรุ่นขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างความตื่นเต้น โมโห กังวลและเศร้า นำไปสู่ความขัดแย้งหรือการเข้าใจผิดกับผู้อื่นได้ อารมณ์แปรปรวนเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่ปรึกษาหรือระบายออกอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต หากกังวลใจหรือมีปัญหา ให้พูดคุยกับคนที่ไว้ใจหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม


คนทุกคนล้วนเคยมีปัญหาทางอารมณ์ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต หากต้องการความช่วยเหลือ อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือ การยอมรับปัญหาแล้วหาทางแก้ไขถือเป็นความกล้าหาญและเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งเผชิญหน้าและแก้ไขเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง

ยอมรับความรู้สึกทางเพศ - สำรวจภาพของการแสดงออกทางเพศของมนุษย์


เพศวิถี

วัยแรกรุ่นยังเป็นเวลาที่วัยรุ่นเริ่มพัฒนาตัวตนทางเพศและเข้าใจความต้องการของตนเอง สภาพแวดล้อมทางสังคมและครอบครัวมีผลต่อบทบาท ทัศนคติและโอกาสในการเข้าถึงความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับเพศวิถี บุคลิกภาพและนิสัยต่างก็มีอิทธิพลต่อการเข้าใจและยอมรับความแตกต่างในเรื่องเพศ

การสำรวจทางเพศส่วนมากเริ่มจากตนเอง การช่วยตัวเอง—โดยเฉพาะผู้หญิง—ยังเป็นเรื่องที่มีตราบาป แต่แท้จริงแล้วถือเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ และเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ซึ่งไม่เป็นอันตราย (ยกเว้นทำมากเกินไป) แต่ความรู้สึกผิดหรืออายที่ถูกสอนต่อ ๆ กันมากลับส่งผลเสีย หากส่งต่อความอายนี้อาจติดตัวไปนานหรือทั้งชีวิต ทำให้ไม่สามารถเปิดรับหรือมีความสุขกับเซ็กซ์และการช่วยตัวเองได้เต็มที่

ต่อมา การสำรวจทางเพศกับผู้อื่นจะตามมา ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ควรหาความรู้เกี่ยวกับเพศที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัญหาทางจิตใจ แต่เราไม่ควรโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้วัยรุ่น เพราะหากขาดโอกาสได้รับความรู้เรื่องเพศอย่างถูกต้อง หลายคนก็จะต้องเดาทางเอาเองหรือฟังจากข้อมูลไม่ถูกต้อง เช่น เพื่อนเล่า ข่าวลือ หรืออินเทอร์เน็ต

จุดสำคัญที่ควรตระหนักคือ ความรู้สึกกระอักกระอ่วนเวลาพูดเรื่องเพศไม่ได้เกิดจากความผิดของเพศหรือความพึงพอใจ แต่เกิดจากความละอายที่สังคมปลูกฝัง การอึดอัดและความกลัวจะเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารกับคนที่รัก และทำให้ตัวเองไม่กล้าปกป้องหรือดูแลตัวเองกับผู้อื่นได้ดี สุดท้ายสร้างผลเสียมากกว่าผลดี เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้

ไม่ง่ายสำหรับทุกคน

การเปลี่ยนแปลงของวัยแรกรุ่นอาจเหมือนรถไฟเหาะที่ทำให้สับสนและต้องรับข้อมูลใหม่มากมาย แต่หากดูแลตัวเองด้วยความเมตตา จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นอิสระ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น และเข้าใจตนเองยิ่งขึ้น

คุณสามารถติดตามประจำเดือนได้ด้วย WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog ได้ที่:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.healthychildren.org/English/ages-stages/gradeschool/puberty/Pages/Physical-Development-Girls-What-to-Expect.aspx
https://www.doctissimo.fr/html/sexualite/education/se_1339_in_04.htm
https://www.passeportsante.net/fr/Actualites/Dossiers/Fiche.aspx?doc=puberte-fille
https://kidshealth.org/en/teens/puberty.html
https://www.yourperiod.ca/fr/normal-periods/symptoms-of-menstruation/
https://psychologie-sante.tn/le-developpement-psychologique-chez-ladolescent/
https://healthfully.com/breast-secretions-in-teens-5735058.html
https://www.chrichmond.org/blog/skin-sweat-and-more-navigating-physical-changes-during-puberty
https://www.fatherly.com/health-science/why-boys-voices-crack-during-puberty-larynx-growth/
https://www.open.edu/openlearn/ocw/pluginfile.php/617068/mod_resource/content/1/e217_1_excf223_nsca_chapter7_p144_145.pdf
https://www.nhs.uk/live-well/sexual-health/stages-of-puberty-what-happens-to-boys-and-girls/
https://kidshealth.org/en/kids/boys-puberty.html
https://medlineplus.gov/puberty.html
https://www.medicinenet.com/puberty/article.htm
Advertisement


เราทุกคนต่างก็มีความซุ่มซ่ามกันเป็นพักๆ ไม่ว่าจะเดินสะดุดขอบฟุตบาท หรือทำน้ำหกใส่ชุดเดรสใหม่ แต่บางครั้งความซุ่มซ่ามก็ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุชั่วคราว แต่เป็นปัญหาที่เกิดซ้ำ คุณอาจสังเกตว่าตัวเองซุ่มซ่ามขึ้นในบางช่วงของเดือน หรือล้ม กระแทกของ หรือทำของหล่นตอนเครียด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับความซุ่มซ่าม ว่าควรกังวลหรือเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตและบุคลิกเฉพาะตัว
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือ UTI คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่มักเกิดจากแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารที่เดินทางจากทวารหนักเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ ภาวะนี้ก่อให้เกิดความไม่สบายและเจ็บปวด และหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ความเสียหายของไตได้
แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น แต่ผู้หญิงยังคงถูกมองข้ามและล้อเลียนกับปัญหาสุขภาพอย่างอาการเจ็บปวดและอ่อนเพลียอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าเสียงจากสังคมจะว่าอย่างไร ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ควรต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สองโรคเรื้อรังที่มักเป็นสาเหตุแฝงของความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าโดยไม่มีอาการป่วยอื่นก็คือ ไฟโบรมัยอัลเจีย และกลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง