ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

ดวงตาสุขภาพดี

การมองเห็นเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสหลักที่มนุษย์ใช้ในการปฏิสัมพันธ์และเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ ซึ่งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในงานส่วนใหญ่ทั่วโลกด้วย อีกทั้งชีวิตประจำวันของเรายังเกิดขึ้นผ่านหน้าจอดิจิทัลเป็นจำนวนมาก นำไปสู่ความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อการใช้งานดวงตาเกินพอดี

ใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาอย่างสูงสุด

มีหลายวิธีในการดูแลดวงตาของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคตาและการเสื่อมของการมองเห็น ควรให้ความสำคัญกับสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะสุขภาพดวงตา

ปัญหาดวงตาที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ สายตาสั้น (มองวัตถุไกลไม่ชัด), สายตายาว (มองวัตถุใกล้ไม่ชัด ซึ่งมักแย่ลงเมื่อมีอายุ), สายตาเอียง (ภาพพร่ามัวเนื่องจากกระจกตาโค้ง) และเยื่อตาอักเสบ (หรือที่รู้จักกันว่า ตาแดง) รวมถึงโรคตาและการติดเชื้อต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตโดยรวมด้วย

อาการหลักของปัญหาดวงตาได้แก่:

  • มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
  • แพ้แสง
  • รูม่านตาไม่ขยายตามปกติ
  • มีน้ำหรือของเหลวไหลออกจากตา
  • น้ำตาไหล
  • ระคายเคืองในดวงตา
  • มุมมองรอบข้างหายไปบางส่วน
  • เห็นแสงวูบวาบ
  • เห็นรูปร่างต่าง ๆ บน “พื้นหลัง” ขณะโฟกัสที่สิ่งอื่น
  • ปวดหลังดวงตา หรือปวดศีรษะ

แม้อาการเหล่านี้จะดูชัดเจน แต่มักถูกมองข้ามไป โดยคิดว่าเป็นเพียงอาการเหนื่อยล้าหรือความเครียด ทราบปัญหาจริงอีกครั้งก็ต่อเมื่อไปพบแพทย์ตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่าการมองเห็นแย่ลง

พันธุกรรม มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพดวงตาของคุณ คนสองคนที่ใช้ชีวิตคล้าย ๆ กันอาจมีความแข็งแรงของสายตาแตกต่างกันขึ้นกับกรรมพันธุ์ หากในครอบครัวมีประวัติสายตาแย่ ควรระวังอย่าใช้สายตามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ด้วยช่วงเวลาที่แต่ละวันต้องใช้จอภาพ อุปกรณ์ดิจิทัลมากขึ้น ทุกคนจึงควรไปตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ


เทคโนโลยีดิจิทัลยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตาล้าในยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่ความเสี่ยงเดียวสำหรับสายตาของคุณ

ควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของดวงตา และสามารถนำแนวทางป้องกันต่าง ๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้หลากหลายรูปแบบ

การปกป้องทางกายภาพ

สวมใส่ แว่นกันแดด เพื่อป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายขณะอยู่กลางแจ้ง ควรสวมแว่นกันแดดตลอดทั้งปีไม่ใช่แค่ฤดูร้อน เพราะแสงยูวีมีอยู่ในแดดเสมอ สามารถทำร้ายผิวตาและโครงสร้างภายในได้ด้วย

เลือกแว่นกันแดดที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และมีการปกป้องรังสียูวีที่เพียงพอ โดยให้เลือกแว่นที่ป้องกัน (หรือดูดซับ) รังสียูวีได้ 99–100% ซึ่งบางครั้งระบุว่าดูดซับรังสีถึง 400 nm

อย่างไรก็ตาม แว่นกันแดดไม่เพียงพอสำหรับแสงหรือความร้อนแรง เช่น งานเชื่อมเหล็กหรือดูสุริยุปราคา ควรใช้ แว่นตานิรภัย เมื่อต้องทำงานกับสารเคมี แสงจ้า หรือแรงกระแทกจากอนุภาคขนาดเล็ก เช่นเดียวกันนี้ เมื่อต้องขี่มอเตอร์ไซค์ ดำน้ำ หรือเล่นกีฬาผาดโผนต่าง ๆ ก็ควรสวมหมวกกันน็อกด้วย เพราะอุบัติเหตุที่ศีรษะก็อาจทำให้สายตาเสียหายได้

เพื่อปกป้องดวงตาเพิ่มขึ้นอีก ควรระวังสิ่งที่นำเข้าใกล้ดวงตา อ่านวันหมดอายุของเครื่องสำอางรอบดวงตา เช่น มาสคาร่า อายแชโดว์ อายไลเนอร์ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี หมั่นทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ

สุขอนามัยที่ดีเป็นกุญแจสำคัญ tube มาสคาร่าหรือกล่องคอนแทคเลนส์ที่หล่นไปก้นกระเป๋าพร้อมเศษขนม เศษใบเสร็จต่าง ๆ ก็ไม่ควรนำมาใช้กับดวงตา เช่นเดียวกับการว่ายน้ำในน้ำที่สกปรกหรือใช้ผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น เป็นสาเหตุที่พบของการติดเชื้อตา


ควรหลีกเลี่ยงการแตะหน้าและดวงตาถ้าเป็นไปได้ และอย่าใช้เครื่องสำอางรอบดวงตาหรือผ้าขนหนูของผู้อื่นร่วมกัน

จัดระเบียบพื้นที่ทำงานเพื่อถนอมดวงตา


การยศาสตร์

การออกแบบพื้นที่ทำงานและพื้นที่ใช้ชีวิตประจำวัน ควรคำนึงถึงการถนอมสายตา การจัดตำแหน่งโต๊ะ แสงสว่างและคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม จะช่วยลดอาการตาล้าได้อย่างมาก

หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรมีขนาดใหญ่เพียงพอ เพื่อให้ไม่ต้องเพ่งสายตากับตัวอักษรเล็ก ๆ ควรวางหน้าจอไว้ด้านหน้าตรงกับสายตา โดย ให้ขอบบนของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย จะเข้าใจความสำคัญของตำแหน่งที่เหมาะสมได้ชัดเจนขึ้นจากการลองมองเพดานแล้วจินตนาการว่าใช้คอมพิวเตอร์อยู่ตรงนั้น การมองขึ้นตลอดเวลาทำให้เกิดความล้าในดวงตาโดยไม่รู้ตัว

ควรวางหน้าจอห่างจากใบหน้าประมาณ 40–60 ซม. (16–24 นิ้ว) ให้นั่งหลังตรงวางเท้าราบกับพื้น ให้งอเข่า 90 องศา ระวังอย่าก้มศีรษะหรือคอยื่นไปข้างหน้า การวางศีรษะผิดท่าไม่เพียงแต่ทำให้ปวดหลัง ยังเพิ่มความเครียดให้ดวงตาด้วย

แสงสว่างที่เหมาะสม—เมื่อต้องอ่านหรือเขียนควรวางแสงไว้ข้างมือที่ไม่ถนัด เพื่อหลีกเลี่ยงแสงสะท้อนบนหน้าจอหรือแสงที่ส่องตรงเข้าตา แสงสว่างทั่วห้องควรไม่มืดหรือสว่างเกินไป และควรปรับแสงให้เหมาะกับแสงธรรมชาติเพราะแสงภายนอกอาจเปลี่ยนตลอดวัน

Advertisement


เรื่องของแสงเพิ่มเติม

ถึงแม้แสงแดดโดยตรงจะไม่ดีสำหรับตาและควรใส่แว่นกันแดด แต่ การรับแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ (โดยไม่ใส่แว่นกันแดด) สำคัญต่อสายตาและสุขภาพโดยรวม แสงในสำนักงานมักจะไม่เกิน 800 ลักซ์ (หน่วยวัดความสว่างสากล) ขณะที่กลางแจ้งถึงแม้จะมีเมฆ แสงก็อาจอยู่ระหว่าง 1,000–10,000 ลักซ์ ช่วยให้วงจรชีวิตดีและฝึกสายตาให้ปรับตัวและมองไกลขึ้น

แว่นกรองแสงสีฟ้า เป็นตัวเลือกยอดนิยมโดยเฉพาะผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ งานวิจัยระบุว่าการกรองแสงสีฟ้าช่วยลดอาการนอนไม่หลับและปรับวงจรชีวิตให้ดีขึ้น บางคนรู้สึกว่าแว่นนี้ช่วยลดความตึงเครียดของตาด้วย แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า แว่นกรองแสงสีฟ้าช่วยปกป้องสายตาในระยะยาวได้จริง เวลาจ้องจอนาน ๆ ยังไงดวงตาก็ล้า ไม่ว่าจะแว่นหรือไม่ก็ตาม


ควรพักสายตาเป็นระยะเมื่อใช้งานคอมพิวเตอร์จะช่วยลดความล้าและปกป้องสายตาได้

กฎ 20-20-20 เป็นวิธีพักสายตายอดนิยม: ทุก ๆ 20 นาที ให้มองวัตถุที่อยู่ห่างอย่างน้อย 20 ฟุต เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที ผู้ที่อยู่ในเมืองมักไม่ค่อยมองไกล ลองทำดูแล้วจะสังเกตว่าดวงตาผ่อนคลายขึ้น ในทำนองเดียวกันควรหยุดพักสายตาอย่างน้อย 15 นาที ห่างจอทุก ๆ สองชั่วโมง

แบบฝึกดวงตาอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลสายตาได้:

  • มองวัตถุใกล้สั้น ๆ ประมาณ 5 วินาที แล้วสลับไปมองวัตถุไกลทันที ทำซ้ำ 3 รอบ วิธีนี้ช่วยให้ตาคงความสามารถในการโฟกัส
  • หาเส้นตรงแนวนอนในห้อง เช่น ขอบที่ผนังพบกับเพดาน โดยไม่ขยับศีรษะ ให้กลอกตามองตามเส้นไปช้า ๆ ตลอดแนวซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง ถ้าระหว่างทางสายตามีจังหวะ “กระโดด” อาจแปลว่าดวงตากำลังล้าเกินไป
  • วาดเลข 8 ในอากาศด้วยสายตาให้ต่อเนื่องเช่นกัน
  • หลับตาแน่น 5 วินาที แล้วกระพริบตาเร็ว ๆ 15 ครั้ง อย่าลืมกระพริบตาเป็นประจำขณะใช้งานจอดิจิทัล

ปรึกษาจักษุแพทย์เกี่ยวกับเทคนิคฝึกและผ่อนคลายสายตาที่เหมาะสมกับดวงตาของคุณ

ตรวจวัดสายตากับนักทัศนมาตรเป็นประจำ และพบจักษุแพทย์เมื่อจำเป็น

ดังที่กล่าวไปแล้วว่าความต้องการในโลกยุคใหม่กดดันดวงตามากขึ้น จึงควรระวังอาการตาล้าแต่เนิ่น ๆ และตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ

อัปเดตค่าสายตาตามความจำเป็น อย่ารอจนยาวนานจนเกินไปเพราะแว่นที่ค่าสายตาไม่เหมาะสมจะยิ่งสร้างความเครียดและอาจนำไปสู่อาการปวดหัวหรือเวียนศีรษะได้

การทำเลสิก เป็นวิธีแก้ไขสายตาที่ปลอดภัยวิธีหนึ่ง แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวมของแต่ละคน รูปทรงลูกตา, ความดันตา ฯลฯ รวมถึงผลการผ่าตัดก็อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป หากไม่มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตร่วมด้วย

ไลฟ์สไตล์

เช่นเดียวกับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย สุขภาพตาขึ้นอยู่กับสุขภาพกายและใจโดยรวม การพักผ่อนเพียงพอ การออกกำลังกายที่เหมาะสม อาหารที่มีประโยชน์ และการจัดการความเครียด ช่วยถนอมดวงตาให้แข็งแรง

หากร่างกายเครียดเกร็ง ดวงตาก็จะล้าตามด้วย หากร่างกายขาดน้ำ ดวงตาก็จะแห้ง ควรสังเกตระดับความเครียด ดื่มน้ำให้มาก และเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นในออฟฟิศหรือที่อยู่อาศัย กินอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ผักใบเขียว อาหารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันโอเมก้า 3

การดูแลดวงตา คือการดูแลตัวเอง!

คุณสามารถติดตามประจำเดือนของคุณได้ด้วย WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog ได้เลยค่ะ:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.webmd.com/eye-health/good-eyesight
https://www.health.com/condition/eye-health/eye-health
https://www.nei.nih.gov/learn-about-eye-health/healthy-vision/keep-your-eyes-healthy
https://irisvision.com/20-tips-for-optimal-eye-health/
https://medlineplus.gov/eyecare.html
https://www.aao.org/eye-health
https://www.glaucoma.org/treatment/a-guide-to-sunglasses.php
Advertisement


ร่างกายสะท้อนวิถีชีวิตของเรา และสำหรับคนส่วนใหญ่ ชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยเวลาหน้าจอ การใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนส่งผลให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณคอและไหล่ ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ท่าทางที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่แค่ปัญหาด้านรูปลักษณ์ แต่ก่อโรคได้จริง เช่น ไมเกรนและปวดไหล่
เบาหวานเป็นภาวะสุขภาพที่เป็นอันตรายต่อชีวิตซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก ผู้หญิงที่เป็นเบาหวานจะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ หรือไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เซลล์ของร่างกายดูดซึมกลูโคสจากกระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นพลังงาน การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานสำหรับตัวเองหรือคนที่รักอาจเป็นเรื่องน่ากลัว แต่สามารถดูแลจัดการภาวะนี้และมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้อย่างแน่นอน
หากคุณเคยมีฝีหนองที่ผิวหนัง เหงือก หรือส่วนอื่น ๆ ในหรือบนร่างกาย คุณจะทราบดีว่ามันทั้งเจ็บปวดและอันตราย และเพราะฝีหนองมักมีลักษณะคล้ายสิวหรือฝี คุณอาจรู้สึกอยากบีบหรือแตกมัน แต่ก่อนจะทำแบบนั้น โปรดอ่านบทความนี้เพื่อเรียนรู้วิธีรับมือกับฝีหนองอย่างปลอดภัย และเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรบีบฝีหนองด้วยตัวเอง