ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

การรู้เท่าทันและฟื้นฟูจากโรคการกินผิดปกติ

อาหารเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเรา อาหารให้พลังงานและบำรุงร่างกายของเรา แต่บางครั้ง สิ่งที่ควรเป็นแหล่งพลังกลับกลายเป็นสิ่งที่พรากพลังไป ผู้ที่มีโรคการกินผิดปกติใช้อาหารเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเพื่อรับมืออารมณ์ด้านลบหรือความรู้สึกท่วมท้น จนความสัมพันธ์กับการกินกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ร่วมเดินทางสู่การรู้เท่าทันและฟื้นฟูจากโรคการกินผิดปกติ

โรคการกินผิดปกติคือภาวะสุขภาพจิตที่ผู้หญิงใช้การกินอาหารหรือพฤติกรรมการกินที่เป็นอันตรายเพื่อรับมือกับอารมณ์ของตนเอง โรคนี้สามารถรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต มีผู้ได้รับผลกระทบราว 9% ของประชากรโลก โดยเฉพาะผู้หญิง วัยรุ่น และผู้ที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQ มีความเสี่ยงมากที่สุด


หลายคนมักเชื่อมโยงโรคการกินผิดปกติกับน้ำหนักตัวน้อยเกินไป แต่อันที่จริงแล้ว มีเพียง 6% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่ถูกจัดว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์

โรคการกินผิดปกติ

โรคการกินผิดปกติ (ED) มีอยู่หลายรูปแบบ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าผู้ที่เป็น ED จะต้องกินอาหารน้อยเกินกำหนดเสมอไป แต่ในความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป


การจำกัดอาหาร กังวลเรื่องน้ำหนักตัวอยู่ตลอดเวลา กินอาหารมากเกินไปอย่างรวดเร็ว กินตามอารมณ์ กินจนรู้สึกอิ่มหรือคลื่นไส้ ใช้ยาระบายหรืออาเจียนโดยตั้งใจ ออกกำลังกายมากเกินไปเพื่อลงโทษการกิน หรือหลีกเลี่ยงอาหารทั้งกลุ่มโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ล้วนเป็นรูปแบบของโรคการกินผิดปกติ

โรคการกินผิดปกติอาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร และในกรณีรุนแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเอง บทความนี้จะพาคุณรู้จักโรคการกินผิดปกติที่พบบ่อย และแนวทางหาความช่วยเหลือเมื่อคุณหรือคนรอบข้างกำลังประสบกับ ED

โรคการกินผิดปกติที่พบบ่อยคืออะไร?

Anorexia nervosa เป็นโรคกินผิดปกติที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากทั่วโลก ผู้ที่เป็น anorexia nervosa มัก จำกัดการกินอาหาร อดอาหารบ่อยครั้ง และออกกำลังกายมากเกินไป หรือขับถ่ายอาหารออกจากร่างกาย เช่น ใช้ยาระบายหรือยาขับปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง หรืออาเจียน มักตัวผอมกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ขาดพลังงาน และมักมีท่าทีไม่สบาย

ผู้หญิงที่เป็น anorexia nervosa จะมองว่าตัวเองอ้วน แม้ว่าจะน้ำหนักน้อยก็ตาม พวกเธอใช้การกินและการออกกำลังกายเป็นการลงโทษและควบคุมชีวิต นอกจากนี้มักมีลักษณะนิสัยเช่น ไม่กล้ากินอาหารในที่สาธารณะ ต้องควบคุมอาหารที่เข้าสู่ร่างกายเสมอ

Bulimia nervosa

ผู้หญิงที่เป็น bulimia nervosa ก็ให้ความสำคัญกับแคลอรีที่บริโภคเช่นกัน แต่ต่างจาก anorexia nervosa ผู้ที่เป็น bulimia มักมีน้ำหนักตัวปกติ โรคนี้แสดงออกด้วยการกินมากเกินพอดีเป็นช่วงๆ แล้วขับถ่ายอาหารออกจากร่างกาย เช่น อาเจียน ใช้ยาระบาย สวนทวาร หรือออกกำลังกายมากเกินไป

ผู้หญิงที่เป็น bulimia มักกินจนกระเพาะอาหารรับไม่ไหวและเริ่มรู้สึกคลื่นไส้ มักเลือกกินอาหารที่โดยปกติจะถูกจำกัด

การกินตามอารมณ์

แม้โรคสองชนิดแรกจะเป็นที่รู้จักมากกว่า แต่การกินตามอารมณ์ถือเป็นโรคการกินผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด ผู้ที่อยู่ในภาวะนี้มัก กินอาหารในปริมาณมากอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกท่วมท้นทางอารมณ์ ต่างจาก bulimia หรือ anorexia ตรงที่ผู้หญิงที่กินตามอารมณ์จะไม่ขับถ่ายอาหารออก แต่จะรู้สึกผิด อับอาย หรือรู้สึกแย่ภายหลังเสมอ

ผู้หญิงที่กินตามอารมณ์มักมีน้ำหนักเกิน ใช้อาหารเป็นเครื่องปลอบใจหรือรางวัลเมื่อรู้สึกเศร้า เครียด หรือมีอารมณ์รุนแรงอื่นๆ

โรคเคี้ยวเอื้อง (Rumination disorder)

โรคเคี้ยวเอื้องคือภาวะที่ผู้หญิง กินอาหารแล้วคายอาหารกลับออกมาจากกระเพาะหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง (มักประมาณ 30 นาที) แม้กรณีส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำโดยสมัครใจ แต่โรคอื่นๆ เช่น โรคกรดไหลย้อน (GERD) และโรคกระเพาะอาหารทำงานช้า (gastroparesis) ก็อาจทำให้เกิดการคายอาหารโดยไม่ตั้งใจได้ เมื่อเกิดการเคี้ยวเอื้อง อาหารในกระเพาะจะไม่ถูกย่อย ผู้หญิงอาจกลืนกลับเข้าไปหรือคายทิ้งก็ได้ ภาวะนี้ส่งผลให้ขาดสารอาหาร น้ำหนักตัวต่ำ และมีปัญหาทางเดินอาหาร

เผยปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคการกินผิดปกติ


สาเหตุของโรคการกินผิดปกติมาจากอะไร?

โรคการกินผิดปกติไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยร่วมกันที่นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่ออาหารและภาพลักษณ์ร่างกายที่ไม่ดี

ปัจจัยพบบ่อยได้แก่:

  • กรรมพันธุ์—หากครอบครัวมีประวัติโรคนี้ ผู้หญิงก็มีความเสี่ยงมากขึ้น
  • ปัญหาสุขภาพจิต—โรคการกินผิดปกติเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง แต่ก็มักจะเกิดร่วมกับภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือ PTSD
  • แรงกดดันทางสังคม—การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ยกย่องแค่รูปร่างบางประเภท และติดภาพลบกับอาหาร ทำให้พัฒนาแนวคิดเรื่องการกินที่เป็นพิษ
  • ภาพลักษณ์ร่างกายไม่ดี—การถูกวิจารณ์หรือกลั่นแกล้งเรื่องรูปร่าง น้ำหนัก ส่งผลให้มีภาพลักษณ์ในแง่ลบ พยายามเปลี่ยนแปลงร่างกาย หรือไล่ตามมาตรฐานความงามที่เกินจริง

สัญญาณเตือนว่าคุณหรือคนรอบข้างอาจมี ED

โรคการกินผิดปกติอาจสังเกตเห็นได้ยากเพราะผู้ป่วยหลายคนมีน้ำหนักปกติและดูสุขภาพดี บางคนก็ไม่ทราบว่าตัวเองเผชิญอยู่กับปัญหานี้ สัญญาณพฤติกรรมต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่ควรจับตา

  • จำกัดปริมาณอาหาร
  • ไม่กล้ากินอาหารต่อหน้าผู้อื่น
  • นับแคลอรีอย่างเคร่งครัด
  • ขับถ่ายอาหารหลังรับประทาน
  • รู้สึกผิดหรืออับอายใจหลังรับประทานอาหาร (ที่จำกัด)
  • กังวลหรือบ่นเรื่องรูปร่างและน้ำหนักตัว
  • เข้าห้องน้ำบ่อยหลังมื้ออาหาร
  • น้ำหนักลดอย่างเห็นได้ชัด
  • อารมณ์แปรปรวน หรือเป็นโรคจิตเวชอื่นๆ (วิตกกังวล ซึมเศร้า PTSD OCD ฯลฯ)
  • กินมากเกินไป กินจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
  • พยายามควบคุมลักษณะร่างกาย
  • ออกกำลังกายมากเกินไป หรือใช้การออกกำลังกายลงโทษตัวเองหรือเป็นข้ออ้างในการกินเยอะ
Advertisement


อันตรายของโรคการกินผิดปกติ

โรคการกินผิดปกติเป็นโรคทางจิตเวชที่อันตรายเป็นอันดับสอง รองจากการใช้ยาเสพติดกลุ่ม opioid เท่านั้น ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้มีความเสี่ยงต่อโรคร้ายทางกาย ทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตายสูง ภัยอื่นๆ ได้แก่:

  • ขาดสารอาหาร
  • กระดูกบางลง
  • อวัยวะล้มเหลว
  • โรคโลหิตจาง
  • ภาวะมีบุตรยาก (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารกับรอบเดือน)
  • ปัญหาระบบฮอร์โมน
  • ผมร่วง
  • เจ็บคอ ต่อมน้ำลายบวม เคลือบฟันสึก ฟันผุ กรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ และขาดน้ำในกรณีที่ขับถ่ายอาหารออกโดยการอาเจียนหรือใช้ยาระบาย


หากไม่ได้รับการรักษา โรคการกินผิดปกติก่อให้เกิดภาวะขาดอาหารรุนแรง เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ และอันตรายถึงชีวิตอื่นๆ

แนวทางรักษาและฟื้นฟูจากโรคการกินผิดปกติ

โรคการกินผิดปกติแต่ละประเภทล้วนมีแนวทางบำบัดแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่มักมีรากฐานจากจิตใจ หากสงสัยว่าคุณเองหรือคนใกล้ตัวมีโรคนี้ ขอให้รีบขอความช่วยเหลือทันที ขั้นแรกคือดูว่าการทำงานของร่างกายที่สำคัญได้รับผลกระทบหรือไม่ หากได้รับผลกระทบ ผู้ให้บริการสุขภาพต้องช่วยฟื้นฟูสมดุลแร่ธาตุและวิตามินในร่างกาย

ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญมากคือการทำบำบัด ไม่ว่าจะเลือกบำบัดรายบุคคลหรือกลุ่มก็สำคัญต่อการค้นหารากเหง้าของพฤติกรรมการกินที่เป็นพิษและภาพลักษณ์บิดเบือน การบำบัดช่วยให้คุณกลับมาสงบภายในและหาวิธีรับมือใหม่ ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกับโรคจิตเวชอื่นๆ การจะฟื้นฟูจาก ED ต้องใช้เวลา บางคนอาจต้องใช้เวลาตลอดชีวิต การเรียนรู้บริหารอารมณ์และพัฒนาพฤติกรรมการกินที่ดี (คลิกอ่านพฤติกรรมการกินที่ดี) คือ ก้าวสู่สุขภาพและความสุขในชีวิตที่แท้จริง

คุณสามารถติดตามรอบเดือนของคุณได้ด้วย WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog ได้เลย:

ดาวน์โหลดบน App Store

รับบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://anad.org/get-informed/about-eating-disorders/eating-disorders-statistics/#:~:text=Eating%20disorders%20affect%20at%20least%209%25%20of%20the%20population%20worldwide.&text=9%25%20of%20the%20U.S.%20population,eating%20disorder%20in%20their%20lifetime.&text=Less%20than%206%25%20of%20people,medically%20diagnosed%20as%20%E2%80%9Cunderweight.%E2%80%9D
https://www.nationaleatingdisorders.org/what-are-eating-disorders
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26754944/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7754480/
https://www.nationaleatingdisorders.org/health-consequences
https://www.beateatingdisorders.org.uk/get-information-and-support/get-help-for-myself/i-need-support-now/help-treatment/
Advertisement


มีเนื้อหาออนไลน์จำนวนมากที่มุ่งเป้าไปยังผู้หญิง และส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ของพวกเรา แม้ว่าเราจะก้าวข้ามเทรนด์ไดเอทและการออกเดตที่เป็นพิษในยุค 2000 ต้น ๆ ไปแล้ว แต่น่าเศร้าที่ข้อมูลผิด ๆ ในเรื่อง “ผู้หญิง” ก็ยังคงแพร่หลายและมาในหลากหลายรูปแบบ บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักวิธีสังเกตข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อที่คุณจะได้หลีกเลี่ยงได้
วัยแรกรุ่นเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
รู้ไหมว่าอาการคัดจมูกไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในอาการของไข้หวัดหรือภูมิแพ้เท่านั้น? คุณต้องสั่งน้ำมูกอยู่บ่อย ๆ ใช้สเปรย์พ่นจมูก และนั่งข้างเครื่องพ่นไอน้ำแต่ก็ไม่ดีขึ้นใช่ไหม? ถ้าใช่ ลองอ่านบทความนี้ต่อดูค่ะ เราจะบอกคุณถึง 8 สาเหตุหลักที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการคัดจมูกและวิธีรับมือกับอาการเหล่านั้น