ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

มาคุยเรื่องเหงื่อกันเถอะ

การมีเหงื่อเป็นการทำงานตามปกติของร่างกาย—ผู้หญิงทุกคนมีเหงื่อไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพศอะไรก็ตาม หรือลงแรงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม บางครั้งเราอาจสังเกตเห็นว่าปริมาณเหงื่อหรือกลิ่นของเหงื่อเปลี่ยนไป ซึ่งมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

พูดคุยเรื่องเหงื่อ - มาสำรวจวิทยาศาสตร์ของเหงื่อกันเถอะ

การขับเหงื่อหรือการมีเหงื่อ คือกลไกระบายความร้อนตามธรรมชาติของร่างกาย: อุณหภูมิจะลดลงเมื่อเหงื่อปรากฏบนผิวหนังและระเหยไป

การมีเหงื่อยังเป็นวิธีหนึ่งที่ร่างกายใช้ขจัดสารพิษ ปริมาณเหงื่อและกลิ่นของเหงื่อสามารถบอกถึงสิ่งที่ร่างกายของเรากำลังเผชิญได้เช่นกัน


ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรืออยู่ในอากาศร้อนหรือเย็น ร่างกายจะสูญเสียน้ำประมาณครึ่งลิตรต่อวันผ่านทางเหงื่อ

เราจะเริ่มรู้สึกเปียกชื้นเมื่อสูญเสียน้ำล้นเกินครึ่งลิตร เห็นได้ชัดในช่วงอากาศร้อนมากๆ เข้าซาวน่า หรือขณะออกกำลังกาย ขณะออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะผลิตความร้อนจำนวนมาก ร่างกายจึงต้องขับเหงื่อ

นอกจากอากาศร้อนแล้ว ปัจจัยยอดฮิตอีกอย่างที่กระตุ้นให้เหงื่อออกคือความเครียด สาวๆ หลายคนมักเหงื่อออกเวลาตึงเครียด และบางจุดในร่างกายก็จะเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เช่น ใบหน้า ฝ่ามือ คอ รักแร้ ข้อมือ และเท้า

เหงื่อเกิดขึ้นได้อย่างไร

กระบวนการขับเหงื่อถูกควบคุมโดยระบบประสาท ซิมพาเทติก และ พาราซิมพาเทติก เหงื่อจะถูกปล่อยออกมาโดยต่อม 2 ชนิดคือ ต่อม เอ็กไครน์ และต่อม อะโพไครน์

  • ต่อมเอ็กไครน์ พบได้ทั่วผิวหนัง รวมถึงฝ่าเท้า ฝ่ามือ หน้าผาก แก้ม และรักแร้ สร้างเหงื่อใส ไม่มีกลิ่น ประกอบด้วยน้ำและเกลือ แร่ ซึ่งเป็นตัวควบคุมความร้อนหลักของร่างกาย
  • ต่อมอะโพไครน์ อยู่บริเวณรักแร้ ใต้หน้าอก รอบสะดือ และบริเวณจุดซ่อนเร้น เหงื่อที่ต่อมนี้ผลิตจะมีโปรตีน เซลล์ผิวที่หลุดลอก และกรดไขมัน เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนและเชื้อแบคทีเรียจะเกิดปฏิกิริยา ก่อให้เกิดกลิ่นกายเฉพาะตัวของแต่ละคน

เหงื่อที่อยู่บนผิวนานจะเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพราะสัมผัสกับแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิว ยิ่งเหงื่อค้างอยู่นาน กลิ่นก็ยิ่งแรง

ทำไมกลิ่นเหงื่อถึงเปลี่ยน?

บางครั้งกลิ่นเหงื่อของผู้หญิงอาจแรงกว่าปกติ สาเหตุพบได้บ่อยที่สุดคืออาหาร อาหารที่มีรสจัดมากเท่าไหร่ (เครื่องเทศ หัวหอม กระเทียม ฯลฯ) เหงื่อก็จะมีกลิ่นแรงมากขึ้น

ส่วนประกอบของเหงื่อมาจากพลาสมาในเลือด—ของเหลวไม่มีสีที่เม็ดเลือดแดงและขาว เกลือแร่ ฯลฯ ลอยอยู่ ถ้าอาหารที่เรากินมีสารที่ละลายน้ำและมีกลิ่น ร่างกายก็จะดูดซึมเข้าไปในของเหลวด้วย ของเหลวส่วนใหญ่ถูกขับออกทางปัสสาวะ เหลือส่วนหนึ่งจะออกทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ


อนุภาคกลิ่นขนาดจิ๋วที่เข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารที่เรากิน อาจเปลี่ยนกลิ่นของเหงื่อได้

สำรวจอาหารกับเหงื่อ - ความสัมพันธ์ของเนื้อสัตว์และโปรตีนกับกลิ่นกาย


มีข้อมูลว่าการบริโภคเนื้อสัตว์และโปรตีนสัตว์จะทำให้เหงื่อมีกลิ่นแรงขึ้น อาหารที่มีผลต่อกลิ่นเหงื่ออย่างอื่น เช่น กะหล่ำปลี ชีส กาแฟ ช็อกโกแลต มะนาว และแอลกอฮอล์ ซึ่งนอกจากแอลกอฮอล์จะเปลี่ยนกลิ่นเหงื่อแล้ว ยังทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อมากขึ้นด้วย ยาบางชนิดที่ใช้แล้วจะทำให้เหงื่อมีกลิ่นยา แต่หากหยุดใช้ก็จะกลับสู่ปกติ

นอกจากอาหารและยาแล้ว วิตามินก็มีส่วนต่อกลิ่นเหงื่อ เช่น วิตามินบี โคลีน ทำให้เหงื่อมีกลิ่นคล้ายปลา และถ้าได้รับบี-1 ไทอามีน เกินก็จะทำให้เหงื่อและปัสสาวะมีกลิ่นแรง ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยเวลาได้รับ ซีลีเนียม เกิน คือกลิ่นกระเทียมในลมหายใจและเหงื่อ ถ้าซีลีเนียมสูงเกินไปควรรีบพบแพทย์ทันที

เหงื่อออกมากผิดปกติ

ผู้หญิงมักมีเหงื่อมากขึ้นขณะอยู่ในช่วง วัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายไม่ต้องควบคุมการตกไข่และประจำเดือนอีกต่อไป ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนก็ลดลงตามธรรมชาติ ฮอร์โมนเหล่านี้ส่งผลต่อกลไกควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ผู้หญิงบางคนมีอาการร้อนวูบวาบและเหงื่อท่วมในช่วงนี้ แต่ข่าวดีก็คือ อาการจะหายไปเมื่อร่างกายผ่านพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านนี้

น้ำหนักเกิน ก็ส่งผลให้เหงื่อออกมากขึ้น เพราะยิ่งน้ำหนักเยอะ ร่างกายก็ต้องทำงานหนัก สาวร่างใหญ่จึงเหงื่อง่าย งานหนักเท่ากับร่างกายร้อนขึ้น ก็ผลิตเหงื่อมากขึ้น

อีกสาเหตุที่เหงื่อออกเยอะอาจมาจาก ภาวะที่ระบบประสาทรับภาระหนัก ความเครียดที่สะสมอยู่ทุกวันทำให้ระบบประสาททำงานหนัก วิธีที่ดีที่สุดคือลดงานหรือลดภาระ แต่ถ้าไม่ได้ ให้หาเทคนิคผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น เล่นกีฬา หาเวลาว่างให้ตัวเอง หรือฝึกนั่งสมาธิ พูดคุยกับนักจิตวิทยาก็ช่วยได้


การฝึกสติก็ช่วยได้ เช่น นั่งสมาธิ เล่นโยคะ ฝึกหายใจออกกำลัง การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดและส่งเสริมระบบประสาท ลองหาแนวทางที่ใช่สำหรับตัวเองแล้วทำอย่างสม่ำเสมอ

หากเหงื่อออกมากขึ้นผิดปกติกระทันหัน เช่น ตื่นมาพร้อมเหงื่อเปียกโชกหลายคืนติดต่อกัน อาจมีสาเหตุจากโรคที่ควรหาทางแก้ไข

  • การติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ ซึ่งโดยปกติจะหายเองในไม่กี่วัน
  • เหงื่อออกมากร่วมกับ โรคหัวใจ มักมีอาการเหนื่อยง่าย ขาบวมหรือเท้าบวม และอาการมักจะแย่ลงถ้าอากาศร้อน
  • ไฮเปอร์ไทรอยด์ หรือการมีเมตาบอลิซึมสูงจากปัญหาฮอร์โมน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมือ น้ำหนักลด
  • เหงื่อออกมากอาจเกี่ยวกับ เบาหวาน หรือยาเบาหวานบางชนิดที่ลดน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว
  • เหงื่อออกเยอะผิดปกติร่วมกับไข้ต่ำ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาจเป็นสัญญาณของ เนื้องอกร้าย (มะเร็ง)
  • ผู้ที่เป็น โรคปอด ก็มักมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะร่วมกับน้ำหนักลดมากผิดปกติ

โรคเหล่านี้มักพัฒนาอย่างช้าๆ จึงควรใส่ใจทุกความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย หากไม่แน่ใจสาเหตุ ควรปรึกษาแพทย์

เหงื่อออกมากผิดปกติ (ไฮเปอร์ไฮโดรซิส)

บางคนแม้แข็งแรงดีก็มีเหงื่อออกเยอะผิดปกติ ภาวะนี้เรียกว่า Primary focal hyperhidrosis ส่งผลต่อผู้หญิง 1-3% ของประชากร และมักเริ่มตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น

เรียกว่าภาวะเหงื่อออกเฉพาะที่ เพราะส่งผลกับแค่บางจุด เช่น รักแร้ ขาหนีบ ศีรษะ ใบหน้า ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า อาการจะเกิดขึ้นทั้งสองข้างพอๆ กัน

ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของภาวะนี้ แต่ดูเหมือนจะเกี่ยวกับกลไกระบบประสาท และเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์

แม้ภาวะนี้จะไม่อันตราย แต่ก็สร้างความเครียดใจและอาจนำไปสู่การเก็บตัวหลีกเลี่ยงสังคม การรู้วิธีดูแลลดปัญหาเรื่องเหงื่อจะช่วยสุขภาพจิตของผู้หญิงได้มาก

ดูแลเหงื่อของตัวเอง

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ! เวลาเหงื่อออกไม่ใช่แค่พลาสมาในเลือดลดลงจนหัวใจทำงานหนักขึ้น แต่เรายังสูญเสียเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายด้วย ถ้ามีเหงื่อออกมากกว่าปกติ ควรชดเชยน้ำและอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสีย
  • ใส่ใจสุขอนามัย—อาบน้ำสม่ำเสมอ ล้างร่างกายบ่อยเป็นพิเศษถ้าอากาศร้อน เสื้อผ้าเปียกเหงื่อควรเปลี่ยน
  • ผ้าบางชนิดอาจกระตุ้นเหงื่อหรือทำให้กลิ่นแรงได้ ควรเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศหรือซับเหงื่อดีเวลาออกกำลัง
  • ใช้สารระงับเหงื่อ/ระงับกลิ่นกายช่วยลดเหงื่อ/กลิ่น แต่การใช้เป็นประจำอาจมีผลข้างเคียงจึงไม่แนะนำให้ใช้ทุกวัน
  • ลองทางเลือกอื่นแทนระงับกลิ่นกาย—มีตัวเลือกต่างๆ มากมาย อาจต้องลองไปเรื่อยๆ จนเจอที่เหมาะกับตัวเอง
  • หากเหงื่อออกมากร่วมกับอาการผิดปกติอื่น (น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ฯลฯ) ควรปรึกษาแพทย์ ผู้หญิงจะได้รู้ต้นตอและรักษาได้ทันท่วงที

ติดตามรอบเดือนของผู้หญิงได้ด้วย WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog เลย:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.healthline.com/health/sweat-what-is-it#1
https://www.mayoclinic.org/symptoms/excessive-sweating/basics/causes/sym-20050780
https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/selenium-supplement-oral-route/side-effects/drg-20063649
https://www.medicinenet.com/script/main/art.asp?articlekey=32122
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482278/
https://www.webmd.com/menopause/features/menopause-sweating-11#1
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/features/is-your-excessive-sweating-caused-by-a-medical-problem#2
https://www.trainingpeaks.com/blog/everything-you-need-to-know-about-sweat/
Advertisement


Many of us only truly learn to love ourselves and our bodies fairly late in life. Prior to that, we tend to spend time and energy judging ourselves about things we cannot change. Self-love is a skill made difficult to attain by the very impractical beauty standards that are popular today.
Most of us are familiar with oestrogen as the primary female sex hormone, but this substance does much more than manage menstrual and reproductive health. From the formation of bones and organs to the regulation of digestion and cognition—oestrogen is involved in all aspects of our lives.
The Covid-19 pandemic has brought about many changes in our daily lives, including the new norm of wearing a protective face mask while out in public. The mask provides necessary protection against the virus, however prolonged use can have an impact on your skin.