New! Sign in to manage your account, view your records, download reports (PDF/CSV), and view your backups. Sign in here!
Share this article:

ปวดรักแร้: ทำไมรักแร้ถึงเจ็บ?

นอกจากคำถามยอดฮิตเรื่องการโกนขนแล้ว รักแร้มักไม่ใช่จุดแรกที่เรานึกถึงว่าจะเป็นแหล่งที่มาของความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม รักแร้ หรือ แอ็กซิลลา ถือเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญที่แขนเชื่อมกับร่างกายส่วนอื่น ๆ ซึ่งความเจ็บปวดสามารถเกิดขึ้นได้ที่นี่

เข้าใจอาการปวดรักแร้ - วิเคราะห์สาเหตุและสิ่งที่ควรใส่ใจเกี่ยวกับความไม่สบายในรักแร้

กล้ามเนื้อและเอ็นหลากหลายส่วนของหัวไหล่ หน้าอก และหลังส่วนบนมาบรรจบกันในบริเวณนี้ และรักแร้ยังมีโครงสร้างประสาทและหลอดเลือดสำคัญ เช่น หลอดเลือดดำแอ็กซิลลา หลอดเลือดแดงแอ็กซิลลา เส้นประสาทของเบรเคียลเพลกซัส รวมถึงกลุ่มต่อมน้ำเหลืองทั้งชั้นลึกและตื้น ความเจ็บปวด ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นที่รักแร้ได้เช่นกัน

คำว่า Axilla มีรากศัพท์จากภาษาละติน และเป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียก “ช่องว่างใต้ข้อไหล่ หรือตรงรักแร้”; Axillary หมายถึง “เกี่ยวกับรักแร้” (อย่าสับสนกับ auxiliary ที่หมายถึง “ตัวช่วยหรือการสนับสนุนเพิ่มเติม”) อาการปวดรักแร้อาจมีสาเหตุมากมาย ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงนัก อย่างไรก็ตาม บางสถานการณ์จำเป็นต้องพบแพทย์ บทความนี้จะกล่าวถึงภาวะต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อรักแร้ของคุณ

ทำไมรักแร้ของฉันถึงเจ็บ?

แม้จะมีหลายสาเหตุที่ทำให้ปวดรักแร้ แต่ที่พบบ่อยที่สุดและมักไม่อันตราย คือ กล้ามเนื้อฉีกขาด หรือใช้งานหนักเกินไป ในส่วนใหญ่สามารถบรรเทาได้เองที่บ้านด้วยการพักและยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยน โดยไม่ต้องพบแพทย์

กล้ามเนื้อฉีกขาดบริเวณรักแร้ เกิดจากกล้ามเนื้อแถบนี้ถูกยืดเกินไป หรือฉีกขาด กล้ามเนื้อที่มักได้รับผล ได้แก่ เพคทอราลิสเมเจอร์ (กล้ามเนื้อใหญ่บริเวณผนังหน้าอก), เพคทอราลิสไมเนอร์ (กล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมบางตรงอกส่วนบน), และ ซับสแกปูลาริส (กล้ามเนื้อหนึ่งในกลุ่มโรเตเตอร์คัฟตรงหัวไหล่)

อาการพื้นฐานจากกล้ามเนื้อฉีกขาดที่รักแร้ ได้แก่:

  • ปวดและกดเจ็บ
  • บวม
  • กล้ามเนื้อเกร็งหรือกระตุก
  • เคลื่อนไหวแขนได้น้อยลง

กิจกรรมที่ใช้แขนซ้ำหรือหนัก เช่น ยกเวท ปาลูกบอล พายเรือ ฯลฯ สามารถทำให้กล้ามเนื้อรักแร้บาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะถ้ายังไม่เคยออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนนั้น หรือยังไม่วอร์มอัพ

การเคลื่อนไหวแขนอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เส้นประสาทแอ็กซิลลาได้รับผลกระทบจนเกิดอาการไม่สบาย เส้นประสาทนี้เริ่มต้นที่รักแร้ ส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อเดลทอยด์ ซึ่งทำให้ไหล่ดูโค้งมน และ เทอเรสมินอร์ หนึ่งในกล้ามเนื้อโรเตเตอร์คัฟที่ยึดหัวกระดูกต้นแขนให้อยู่ในเบ้าไหล่ ให้เราเคลื่อนไหวไหล่ได้รอบทิศ ถึง 360 องศา การบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ยังส่งผลให้เส้นประสาทนี้ปวดลามมารักแร้ได้เช่นกัน

ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลต่อเส้นประสาทรอบ ๆ จนทำให้ปวดรักแร้ได้ การนั่งหลังค่อมหรือไหล่งอจะทำให้กล้ามเนื้อไหล่เสียสมดุล เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อรักแร้

การดูแลกล้ามเนื้อรักแร้ฉีกขาด

หากคุณมีอาการกล้ามเนื้อรักแร้ฉีก หรือบาดเจ็บ ให้พักก่อน ลดอาการอักเสบ แล้วค่อยเริ่มออกกำลังเบาๆ

พัก หลีกเลี่ยงการขยับแขนและไหล่ระหว่างยังเจ็บ (และต่อหลังจากนั้นสักพัก) ให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูเต็มที่ก่อนสำคัญมาก

ลดการอักเสบ ใช้ประคบเย็นหรือถุงน้ำแข็งแตะที่รักแร้ 15–20 นาที หลายครั้งต่อวัน เพื่อลดปวดและบวม หรือรับประทานยากลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน หรือ นาโพรเซน ได้

เมื่อลดอาการเฉียบพลันแล้ว เริ่มออกกำลังกายเบาๆ เพื่อฟื้นคืนความแข็งแรงและยืดหยุ่น หากเจ็บซ้ำให้หยุดทันทีและพักเพิ่ม หากเจ็บมากควรปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อเลือกท่าออกกำลังเฉพาะบุคคล และฟื้นฟูอย่างเหมาะสมกับอาการ


การเคลื่อนไหวและบริหารความแข็งแรงกล้ามเนื้อส่วนบนอย่างอ่อนโยน เป็นกุญแจสำคัญสู่กล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่แข็งแรงในลำคอ ไหล่ หลังส่วนบน และหน้าอก—และแน่นอนในรักแร้ของคุณเช่นกัน

สาเหตุอื่นที่อาจทำให้ปวดรักแร้

โรคหรือปัญหาหลายอย่างอาจเกิดกับโครงสร้างของรักแร้ ปัญหาใกล้เคียง อย่างเช่นที่คอ ไหล่ หรือเต้านม ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดร้าวหรือปวดลามถึงรักแร้ได้เช่นกัน

การบาดเจ็บใกล้ผิวหนังมักระบุได้ง่าย แต่ปวดจากปัญหาในโครงสร้างลึก ๆ อาจหาจุดต้นเหตุได้ยาก อาการปวดร้าว (Radiating pain) คือปวดที่จุดกำเนิดแล้วลามไปเนื้อเยื่อใกล้เคียง อาการปวดร้าวไปที่อื่น (Referred pain) คือปวดที่รู้สึกบริเวณอื่นในร่างกายที่ไม่ใช่ต้นเหตุจริง

ตัวอย่างปัญหาที่ทำให้ปวดรักแร้ได้ ได้แก่:

  • แอ็กซิลลารีอินเตอร์ทริโก และโรคผิวหนังอื่นๆ
  • ไฮดราเดอนิทีส ซุปพิวราติวา หรือต่อมเหงื่ออุดตัน
  • โรคหรือยาที่กระทบต่อระบบน้ำเหลืองหรือภูมิคุ้มกัน
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • โรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง, ลูปัส, หรือโรคหัวใจ

ตุ่มเล็ก ๆ ที่เจ็บในรักแร้ – วิเคราะห์สาเหตุ พร้อมเคล็ดลับบรรเทาความไม่สบาย


ตุ่มเล็ก ๆ ที่เจ็บในรักแร้

ผื่นผิวหนังมีสาเหตุหลากหลาย แต่ที่พบได้มากในรักแร้คือ ผิวระคายหลังโกนขน หรือเทคนิคการโกนไม่เหมาะสม และ แอ็กซิลลารีอินเตอร์ทริโก ภาวะผิวหนังถูเสียดสีกันในสภาพชื้นและอุ่น ใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่คนที่อยู่หรือทำงานในที่อากาศร้อนชื้น เป็นโรคอ้วน หรือ เบาหวาน มีแนวโน้มสูงขึ้น สภาพเหล่านี้รุนแรงขึ้นได้หากติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อราแทรกซ้อน

วิธีเลี่ยง ผิวแสบหลังโกน ให้ใช้มีดโกนสะอาดคม โกนตอนรักแร้เพิ่งล้างด้วยสบู่/โฟมโกนขน ใช้จังหวะเบา ๆ สั้น ๆ หลังโกนล้างรักแร้ด้วยน้ำเย็นและประคบเย็นช่วยปิดรูขุมขน อาการนี้ไม่ถาวรแต่หากระคายซ้ำเรื้อรังอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หาย การช่วยปลอบประโลมและลดอักเสบจะช่วยให้ดีขึ้น

อินเตอร์ทริโก คือภาวะที่พบได้บ่อยในพื้นที่ผิวหนังเสียดสีกัน ความเสียดสีก่อให้เกิดแผลเล็ก ๆ เชื้อรา/แบคทีเรียจึงเข้าและเจริญเติบโตได้ ต่อมักติดเชื้อแทรกซ้อนเป็นเชื้อราชนิดแคนดิดาหรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น Staphylococcus aureus

อินเตอร์ทริโกอาจเจ็บและไม่สบาย โดยเฉพาะหากลุกลามจากผื่นคัน ตุ่มไหม้ ไปสู่แผลดิบ แผลซึม มีเลือด หรือผิวติดเชื้อมีหนองและกลิ่นเหม็น อย่างไรก็ตาม สามารถรักษาได้

อยากให้ผิวหาย ต้องทำให้แผลแห้ง สะอาดและเย็น ใส่เสื้อผ้าโปร่ง ใส่หลวม ใช้ผ้าซับเบา ๆ แทนการถู ใช้ไดร์เป่าผม (ลมเย็น) วันละ 2–3 ครั้ง ลดความชื้น ใช้สารลดเหงื่ออ่อน ๆ ลดการขับเหงื่อ หากไม่ติดเชื้อ แนะนำครีมหรือเจลลดเสียดสี/ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือผ้าฝ้ายบางๆ

ถ้ามีการติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว วิธีเดียวที่จะระบุว่าเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัสคือตรวจวินิจฉัย เมื่อทราบชนิดแล้วจึงรักษาด้วยยาต้านเชื้อหรือยาทาเฉพาะ

Advertisement


ตุ่มขนาดใหญ่ที่เจ็บในรักแร้

หากสังเกตเห็นตุ่มใหญ่หลายเม็ดในรักแร้ คุณอาจมีต่อมเหงื่ออักเสบหรือบวม สภาพนี้เรียกว่า Hidradenitis suppurativa (HS) หรือบางครั้งรู้จักว่า สิวอินเวอซา แม้จริง ๆ ไม่ใช่สิวโดยตรง

HS เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่มีผลต่อ ต่อมเหงื่ออะโพครินพบได้ที่รักแร้และขาหนีบ นักวิจัยยังไม่ทราบชัดเจนว่าทำไมต่อมเหงื่อถึงตัน เมื่ออุดตัน เหงื่อจึงคั่ง ไม่ขับจากร่างกายจนเป็นสภาพแวดล้อมดีเยี่ยมสำหรับเชื้อโรคและเชื้อรา โรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน แต่ยังไม่จัดเป็นภูมิคุ้มกันผิดปกติ HS อาจมีกรรมพันธุ์ เพราะพบว่าถ่ายทอดในบางครอบครัว

HS มักเริ่มแสดงอาการช่วงวัยรุ่น และอาจพัฒนาได้จากตุ่มเล็ก ๆ สีแดง คัน เจ็บ มีกลิ่น หรือมีของเหลวซึม เมื่อแตก เป็นถุงน้ำขนาดใหญ่หรือแผลเปิดเมื่อตุ่มหายจะทิ้งแผลเป็นได้ บางครั้งมีหัวสิวดำร่วมด้วย ต่อมเหงื่ออุดตันอาจโตเท่าก้อนหินเล็กๆ และตุ่มเหล่านี้โดยทั่วไปร่างกายจะดูดซึมเองใน 1–2 สัปดาห์ ไม่ควรบีบหรือแกะ เพราะจะยิ่งแย่ลง

น่าเสียดายว่าขณะนี้ยังไม่มียารักษาหายขาด มีแต่บรรเทาและควบคุมโรค แต่แนวโน้มจะกลับมาเป็นซ้ำ หากไม่รักษา อาจทำให้ผิวเสียถาวร ต่อมน้ำเหลืองระบายได้ลดลง เคลื่อนไหวบริเวณรักแร้น้อย และเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

หากคุณเป็น HS ควรให้ความเมตตาตัวเอง เพราะเจ็บปวดและไม่สบาย แถมเหงื่อและแบคทีเรียสะสมให้กลิ่นแรง โรคนี้เกิดขึ้นเองในระบบ ไม่ใช่เพราะสุขอนามัยบกพร่อง แต่การดูแลตัวเองจะช่วยได้ ควรกินอาหารดี ออกกำลังกาย และพักผ่อน หากสูบบุหรี่ ควรหยุด หลายคนพบว่าการงดนมวัวและเสริมสังกะสีช่วย หรือแช่อ่างเกลือเอปซอมช่วยลดอาการเจ็บ

ล้างผิวอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์รุนแรง น้ำหอม สารกันบูด หรือดีโอที่มีเกลืออะลูมิเนียม ใช้น้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้ออ่อน ๆ เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ช่วยลดจำนวนแบคทีเรีย กลิ่น และติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการโกน หันมาเล็มขนแทน

หากอาการรุนแรงควบคุมเองไม่ได้ ควรสื่อสารกับแพทย์เพื่อรับยาตามเหมาะสม เช่น ยาปฏิชีวนะกิน/ทา สเตียรอยด์บรรเทาปวดและอักเสบ, เรตินอยด์สำหรับผิว, ยาชีวภาพ หรือการใช้แรงดูดแผลเพื่อระบายน้ำหนอง

ขนรักแร้...ต้องกังวลไหม?

น่าเสียดายที่ขนรักแร้ยังเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมสำหรับผู้หญิง แม้เป็นเรื่องปกติทางชีวภาพ การโกนหรือแว็กซ์ขนรักแร้ (รวมถึงส่วนอื่น ๆ) เป็นเรื่องความงาม ไม่ได้เกี่ยวกับสุขภาพหรือสุขอนามัยโดยตรง

เรามักเข้าใจว่ามีขนรักแร้แล้วจะเหม็นเหงื่อ ทั้งที่ร่างกายเหงื่อออกได้โดยไม่ว่ามีขนหรือไม่ การโกนหรือแว็กซ์กลับทำให้ผิวระคาย เสี่ยงขนคุด หรือติดเชื้อจากมีดโกนสกปรก ซึ่งเพิ่มโอกาสต่อมเหงื่อบวม หรือติดเชื้อได้เล็กน้อย

อ่านเกี่ยวกับขนรักแร้เพิ่มเติม ที่นี่

จะรู้ได้อย่างไรว่าปวดรักแร้เกิดจากต่อมน้ำเหลือง?

ต่อมน้ำเหลืองเป็นโครงสร้างขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วกระจายทั่วร่างกาย ทำหน้าที่กรองน้ำเหลือง และดักตรวจจับเชื้อโรค ส่วนมากอยู่ลึกในลำตัวแต่บางจุดอยู่ใกล้ผิว เช่น รักแร้ ข้างคอ ขาหนีบ เมื่อติดเชื้อ ต่อมใกล้เคียงมักบวมและกดเจ็บได้

ขนาดต่อมน้ำเหลืองแตกต่างกันไป จุดที่รักแร้มักใหญ่เท่าเมล็ดถั่ว—รูปวงรี ยาวประมาณ 1 ซม. หุ้มด้วยไขมัน เมื่อมีการติดเชื้อหรือลุกลามอักเสบ จะบวมใหญ่เท่าผลองุ่น เราเรียกต่อมน้ำเหลืองโตว่า Lymphadenopathy แต่ถ้าโตเพราะติดเชื้อจะเรียกว่า Lymphadenitis


ต่อมน้ำเหลืองบวม ผิวแดง และอุ่นบริเวณนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม

ต่อมน้ำเหลืองบวมอาจเกิดจากหวัดธรรมดา แต่ก็อาจบอกถึงโรคร้ายแรงเช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV/AIDS), ลูปัส, มะเร็งเต้านม, ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และภาวะอักเสบหรือการติดเชื้อประเภทต่าง ๆ

ถ้าคุณพบต่อมน้ำเหลืองโต สังเกตร่างกายส่วนอื่นร่วมด้วย “ต่อมบวม” เป็นเพียงอาการ หนึ่ง จำเป็นต้องหาสาเหตุเพื่อรักษาถูกกับเชื้อ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส หรือยาต้านรา

ปวดรักแร้เกี่ยวกับฮอร์โมนได้ไหม?

ได้ ในบางกรณีอาการปวดรักแร้อาจสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในรอบเดือน โดยเฉพาะช่วงตกไข่และก่อนมีประจำเดือน มักคัดตึงเต้านมซึ่งปวดไปถึงบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลือง เช่น รักแร้ได้ และมักพบบ่อยระหว่างตั้งครรภ์ หรือในช่วงก่อนหมดประจำเดือน 

ปวดรักแร้เกี่ยวกับหัวใจได้ไหม?

อาการปวดอวัยวะภายใน (Visceral pain) มักระบุตำแหน่งได้ยาก ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจปวดรักแร้ซ้ายเพราะหัวใจอยู่ใกล้ด้านซ้ายอก


ปวดรักแร้อย่างเดียวโดยปกติไม่ได้เป็นอาการหลักของโรคหัวใจ แต่สามารถเกิดร่วมกับอาการอื่นได้

อาการปวดร้าวจากโรคหัวใจ เช่น หัวใจขาดเลือด หรือหัวใจวาย อาจปวดไหล่ซ้าย แขน ขากรรไกร หรือรักแร้ร่วมด้วย หากปวดรักแร้อย่างรุนแรงหรือเรื้อรัง ร่วมกับแน่นอก หายใจลำบาก เวียนหัว คลื่นไส้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

ดาวน์โหลด WomanLog ได้เลย:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

Share this article:
https://www.medicalnewstoday.com/articles/317736
https://www.nhs.uk/conditions/swollen-glands/
https://www.webmd.com/a-to-z-guides/armpit-pain-causes
https://www.tsmp.com.au/blog/left-armpit-pain-causes-and-treatments.html
https://www.pennmedicine.org/for-patients-and-visitors/patient-information/conditions-treated-a-to-z/axillary-nerve-disorders
https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/22745-armpit-lump
https://www.verywellhealth.com/axillary-lymph-nodes-2252131
https://paincareclinic.co.uk/self-help/spare-a-thought-for-your-armpits/
https://www.nhs.uk/conditions/hidradenitis-suppurativa/
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21693-intertrigo
https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/razor-burn#prevention
https://www.verywellhealth.com/managing-hs-odor-5211582
Advertisement


ทุกคนต่างก็มีวันที่ไม่รู้สึกสบายใจในร่างกายของตัวเอง มาตรฐานความงามในสังคม แรงกดดันจากสื่อโฆษณา และโฆษณาต่าง ๆ จากอุตสาหกรรมฟิตเนสและความงาม ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจของเราได้ ระดับสูงสุดของการรับรู้ด้านลบต่อร่างกายเรียกว่าโรคหมกมุ่นรูปร่าง หรือ BDD ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรกับร่างกายของตนเอง เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์นั้นให้ดีขึ้นได้ คุณมีโอกาสฟื้นฟูจาก BDD ได้เช่นกัน
โคลิกเป็นภาวะที่เป็นที่รู้จักกันดีในทารกวัยแรกเกิด แม้เด็กจะมีสุขภาพแข็งแรงดีแต่บางครั้งอาจร้องไห้ไม่หยุดโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกของชีวิต ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาการปวดท้อง คำว่าโคลิกยังนำมาใช้อธิบายอาการปวดท้องเฉียบพลัน ซ้ำ ๆ โดยไม่สามารถระบุสาเหตุได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน
สุขภาพจิตยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนยังไม่กล้าพูดถึงกันอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตามจากการศึกษาบางฉบับพบว่า อาจมีคนถึง 1 ใน 4 ทั่วโลกที่กำลังใช้ชีวิตกับอาการป่วยทางจิตใจรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านทำความรู้จักกับโรคไบโพลาร์และวิถีชีวิตของผู้ที่เป็นโรคนี้