New! Sign in to manage your account, view your records, download reports (PDF/CSV), and view your backups. Sign in here!
Share this article:

ทำไมฉันถึงรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา?

นี่คือคำถามที่หลายคนกำลังถามตัวเองในช่วงนี้ บางครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้และในบางสถานการณ์ก็เข้าใจได้โดยสิ้นเชิง แต่ความเหนื่อยไม่ควรเป็นสภาวะปกติ การ “เหนื่อยตลอดเวลา” มักถูกทำให้เป็นเรื่องธรรมดาและบางทียังถูกโรแมนติกเกินจริงในสังคมของเรา แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายมาก ความเหนื่อยล้าสะสมเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่าบางอย่างอาจกำลังมีปัญหา มาดูสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเหนื่อยเรื้อรังและแนวทางแก้ไขกันค่ะ

ไขเหตุผลของความเหนื่อยล้าต่อเนื่องและค้นพบวิธีฟื้นฟูพลังและสุขภาพที่ดี

ความเหนื่อยล้าเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายเพื่อตอบสนองต่อภาระทั้งร่างกายและจิตใจที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ในโลกที่สมบูรณ์แบบ ความเหนื่อยก็น่าจะเป็นสัญญาณแห่งความอิ่มเอมว่าภารกิจแต่ละวันได้จบลงแล้วและกำลังรอการนอนหลับอย่างสุขสบาย 8 ชั่วโมงอยู่ แน่นอนว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวม การงาน ไลฟ์สไตล์ และสถานการณ์ในครอบครัว การนอนหลับ 8 ชั่วโมงและการใช้ชีวิตแบบสมดุลน์อาจเป็นไปไม่ได้จริง แต่เราสามารถแยกแยะความเหนื่อยในระดับที่สอดคล้องกับสถานการณ์ชีวิตหรือเหนื่อยจนผิดปกติได้ ในทุกกรณี ความเหนื่อยเกินปกติไม่ปกติและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

พลังงานในร่างกายมีขีดจำกัดต่อวัน หากคุณรู้สึกเหนื่อยเกินไป แสดงว่าระดับพลังงานไม่สอดคล้องกับกิจกรรมที่ต้องทำและอยากทำ สาเหตุของความเหนื่อยอาจมาจากปัจจัยภายนอกหรือภายใน ตารางในแต่ละวันอาจหนักเกินไปในตอนนี้ หรืออาจมีภาวะสุขภาพแฝงอยู่ ซึ่งข้อหลังพบบ่อยกว่าที่คิด

สำหรับหลายคน โดยเฉพาะในแวดวงองค์กร วงการสร้างสรรค์ และผู้ประกอบการ “การเหนื่อยตลอดเวลา” แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงความสำเร็จ มีชีวิตที่วุ่นวายและเปี่ยมไปด้วยภาระ ถ้าไม่เหนื่อยแปลว่ายังทำไม่พอ? ไม่ถูกต้องค่ะ ถ้าเหนื่อยตลอดเวลา คุณน่าจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดทั้งด้านสมองและสุขภาพจริง อีกทั้งยังอันตราย เช่น การขับรถหรือควบคุมเครื่องจักรขณะเหนื่อย

แน่นอนว่างานบางประเภท เช่น งานกะกลางคืน หรือการจัดเวลาทำงานแบบอื่นๆ ทำให้ความเหนื่อยและความอ่อนล้าเป็นเรื่องปกติ แม้จะจำเป็นแต่มันก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพ

อีกกลุ่มหนึ่งคือคุณแม่มือใหม่ที่เข้าใจได้ว่าต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ การตื่นตอนกลางคืนกับลูกน้อยเป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงความเหนื่อยทั่วไปตลอดช่วงวัยเด็ก แม้ความระวังคอยดูแลจะเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นแม่และความเหนื่อยถือเป็นเรื่องคาดหวังไว้ แต่ถ้าเหนื่อยจนทรุดโทรมเกินควรไม่ควรละเลย

หากคุณรู้สึกเหนื่อยเกินไปในแต่ละวัน ขั้นแรกควรประเมินตารางชีวิตและกิจกรรมโดยเชื่อมโยงกับช่วงเวลาที่เรียกคืนพลังงานให้ตัวเองได้

ลองสังเกตสิ่งเหล่านี้:

  • ตารางชีวิตของฉันสมเหตุสมผลหรือไม่?
  • มื้ออาหารสม่ำเสมอและมีสมดุลไหม?
  • ได้พักผ่อนและนอนหลับมีคุณภาพเพียงพอหรือเปล่า?
  • ใช้เวลาหน้าจอวันละกี่ชั่วโมง?
  • ได้รับอากาศบริสุทธิ์และขยับร่างกายเพียงพอหรือไม่ในแต่ละวัน/สัปดาห์?
  • ภาระงานเหมาะสมไหม ยุติธรรมหรือเปล่า?
  • มีความเครียดในชีวิตประจำวันมากน้อยแค่ไหน?

แน่นอนว่าหลายคนไม่มีโอกาส “ทำงานน้อย” หรือดูแลสุขภาพตลอดเวลาแม้แต่อาหารที่ดี กำหนดเป้าหมายสุขภาพของตัวเองที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริงจะดีที่สุด


แม้จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนตารางเวลาหรือปฏิเสธงานเสริมในขณะนี้ ควรหมั่นใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ความเหนื่อยที่ไม่จบลงอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะสุขภาพแฝง ถึงแม้จะมีเหตุผลอื่นรองรับความเหนื่อยก็ตาม

ค้นหาภาวะสุขภาพแฝงที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าตลอดเวลา


ปัญหาสุขภาพที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย

ความเหนื่อยล้าเป็นอาการซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับทั้งร่างกายและจิตใจ เหมือนกับ อาการปวด ซึ่งมักหาสาเหตุเจาะจงได้ยากและอาจมีรายละเอียดแฝงที่สะสมเรื่อยๆ ไปกระทบจุดอ่อนของร่างกาย สำหรับบางคนอาจกลายเป็นปวดศีรษะและ ตาแห้ง ขณะที่บางคนอาจบวม ปวดกล้ามเนื้อ มือสั่น ฯลฯ

หากละเลยสุขภาพ ความเหนื่อยธรรมดาอาจลุกลามเป็นอาการอ่อนเพลียเรื้อรังและนำไปสู่ภาวะหมดไฟได้เช่นกัน ความเหนื่อยเป็นอาการร่วมของโรคหลายชนิดที่อาจถูกมองข้ามหากพยายามฝืนตัวเองต่อไป

การตรวจเลือด สามารถช่วยตรวจเจอภาวะที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไป เช่น:

ภาวะโลหิตจาง – การขาดธาตุเหล็กในเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของความเหนื่อยเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีประจำเดือนมาเยอะและหญิงตั้งครรภ์

วิตามินที่ไม่สมดุล – วิตามิน B12, C และ D มีความสำคัญต่อสุขภาพ อาการอ่อนแรง วิงเวียน ใจสั่นและสายตาพร่ามัว มักสัมพันธ์กับการขาดวิตามิน B12 หากตรวจพบแพทย์จะให้คำแนะนำการเสริมวิตามินในปริมาณที่พอดี แมกนีเซียม ก็เป็นแร่ธาตุขนาดเล็กที่สำคัญต่อระดับพลังงานเช่นกัน


การดื่มน้ำสะอาดให้พอและรับประทานอาหารสมดุลสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญของการรักษาระดับพลังงาน

ภาวะผิดปกติของการนอนหลับ

โรคเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ, กล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับ, ความผิดปกติระหว่าง REM sleep และ หยุดหายใจขณะหลับ จะทำให้คุณเหนื่อยในเวลากลางวันอย่างแน่นอน และบางครั้งอาจไม่รู้ตัวเลยว่ามีปัญหาเรื่องการนอน

Advertisement


เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้การหายใจหยุดและเริ่มใหม่หลายครั้งในช่วงนอนโดยไม่รู้ตัว อาจมีอาการกรนเสียงดัง สะดุ้งหายใจหอบตอนหลับ ตื่นมาคอแห้ง หงุดหงิดและง่วงระหว่างวัน

ควรดูแลสุขอนามัยการนอนดังนี้:

  • พยายามเข้านอนและตื่นให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ
  • กันเตียงไว้เพื่อการนอนเท่านั้น
  • ใช้ผ้าปูที่นอนสดใหม่และเสื้อผ้าที่หลวมเวลานอน
  • ทำห้องนอนไม่มีฝุ่นและรับอากาศบริสุทธิ์
  • กำจัดสารก่อภูมิแพ้ในห้องนอนและบ้าน
  • ถ้ามีอุปกรณ์ ลองใช้สมาร์ทวอทช์หรือแอปตรวจติดตามการนอนหลับ
  • หลีกเลี่ยงหน้าจอดิจิทัลอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

หากอยู่กับใครสักคน เขาอาจช่วยสังเกตรูปแบบการนอนและแจ้งหากมีสิ่งผิดปกติ

ความเครียดและสุขภาพจิต

ความเครียด และ ปัญหาสุขภาพจิต ต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเหนื่อยล้าและยังก่อให้เกิดภาวะผิดปกติอื่นๆ ตามมามากมาย

ความไม่สนใจสิ่งรอบตัวและอ่อนแรง เป็นอาการหลักของ ภาวะซึมเศร้า ซึ่งมักเห็นในตัวเองหรือคนอื่นได้ยากและไม่ควรละเลย

ภาวะพัฒนาการทางประสาท เช่น OCD หรือ  ADHD มีผลต่อการรับรู้เวลาและบริหารพลังงานในแต่ละวัน จึงมักทำให้เกิดความเหนื่อยอย่างรุนแรง

ความเครียดเรื้อรัง ทำร้ายสุขภาพและเป็นปัจจัยนำไปสู่โรคต่างๆ อย่าง IBS หรือปัญหานอนไม่หลับ

การดื่มคาเฟอีน

เครื่องดื่มที่มาคาเฟอีนอาจรบกวนการนอนของคุณ งดกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงบ่ายและเย็น และหากมีปัญหาการนอนหลับหรือเหนื่อยล้า ควรค่อยๆ ลดจนงด

เช่นกัน แอลกอฮอล์ และสารเสพติดชนิดอื่นๆ มีผลต่อรูปแบบการนอนหลับและทำให้รู้สึกเหนื่อย

ปัญหาสุขภาพทางการแพทย์

โรคทุกประเภทสามารถทำให้รู้สึกเหนื่อย อาการฟื้นตัวจากโรคหรือการผ่าตัดก็ก่อความอ่อนเพลียได้ มะเร็ง เบาหวาน โรคไตและไทรอยด์ เป็นสาเหตุหลักบางประการ แต่จริงๆ แล้วโรคใดก็ได้สามารถทำให้ร่างกายทรุดลงตามกาลเวลา

เกิดวงจรอุบาทว์ที่ภาวะเจ็บป่วยทำให้เหนื่อยและมีปัญหานอน ทั้งยังยิ่งทำให้โรคแทรกซ้อนมากขึ้นอีกด้วย


การแก้ปัญหาความเหนื่อยต้องปรับวิถีชีวิตโดยรวมใหม่และอาจต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง

อย่ากลัวกับขนาดของภารกิจ การตั้งใจเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเหนื่อยล้าคุ้มค่าเสมอ แค่จุดเล็กๆ ในกิจวัตรก็สร้างผลดีต่อสุขภาพได้มหาศาลค่ะ

จะงีบหรือไม่งีบดี?

การงีบระหว่างวันเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งมองว่าเป็นวิธีรีชาร์จพลังอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีหลายแง่มุมทั้งระยะเวลา ช่วงเวลา และสถานที่ในการงีบ

นักวิจัยเห็นพ้องว่า การงีบจะเป็นประโยชน์หากได้นอนครบหนึ่งวัฏจักรการนอนคือประมาณ 90 นาที หรือการงีบสั้นๆ 10–20 นาทีก็ช่วยบางคนได้ดี เวลางีบที่ต่างจากนี้อาจทำให้ร่างกายไม่สดชื่นเพราะถูกขัดจังหวะ

การงีบกลางวันสามารถลดความเครียด เสริมความจำระยะสั้นและลดความเหนื่อยได้ แต่น่าเสียดายว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้กับทุกคน หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับอยู่เดิมหรือหลังงีบแล้วรู้สึกหงุดหงิดและสับสนก็อาจไม่เหมาะ

ใช้พลังการงีบเมื่อไม่สบายหรือจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสูง เช่น เวลาขับรถระยะทางไกล การพักสั้นๆ เหล่านี้อาจช่วยชีวิตได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินค่ะ

คุณสามารถติดตามรอบเดือนของตัวเองด้วย WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog ได้ที่นี่:

ดาวน์โหลดบน App Store

โหลดบน Google Play

Share this article:
https://www.nhs.uk/live-well/sleep-and-tiredness/10-medical-reasons-for-feeling-tired/
https://www.nhs.uk/live-well/sleep-and-tiredness/
https://www.webmd.com/balance/how-tired-is-too-tired
https://www.healthline.com/nutrition/10-reasons-you-are-tired
https://www.verywellmind.com/why-am-i-always-tired-1067496
https://www.prevention.com/health/a20501661/why-you-are-always-tired/
https://www.medicalnewstoday.com/articles/8877
https://www.healthdirect.gov.au/fatigue
https://www.self.com/story/why-you-shouldnt-accept-being-tired-all-the-time
https://www.sleepfoundation.org/sleep-hygiene/napping
Advertisement


เคยทำงานกะดึกไหม? เคยสังเกตบ้างไหมว่าในช่วงเวลานั้นสุขภาพของคุณแย่ลง? การทำงานกะกลางคืนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวมากมาย โดยเฉพาะผู้หญิงมักได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชาย ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าการทำงานกะดึกและกะหมุนเวียนมีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงอย่างไร พร้อมวิธีลดความเสี่ยงเหล่านี้
ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญกับอาการปวดหรือความไม่สบายตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดประจำเดือนที่พบได้บ่อย หรือปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้น อาการปวดสะโพก เป็นคำที่นิยมใช้เรียกการปวด อ่อนแรง หรือชาตามแนวเส้นประสาทขาฝั่งหนึ่ง ที่ทอดยาวจากหลังส่วนล่าง ผ่านขาไปจนถึงเท้า แม้ผู้ที่ป่วยมักอายุกลางคนขึ้นไปและพบบ่อยในผู้ชาย แต่หญิงตั้งครรภ์ก็สามารถมีอาการปวดสะโพกได้เช่นกัน
กลุ่มอาการช็อกจากพิษแบคทีเรีย (TSS) คือการติดเชื้อเฉียบพลันที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เกิดจากแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัสหรือสเตรปโตค็อกคัส แบคทีเรียเหล่านี้มักอยู่บนผิวหนังหรือในโพรงจมูกและในปากโดยไม่ก่อปัญหา แต่เมื่อมันเพิ่มจำนวนมากผิดปกติในร่างกายจะทำให้เกิดอันตราย โดยปกติจะเชื่อมโยงกับการใช้ผ้าอนามัยชนิดซึมซับสูงระหว่างมีประจำเดือน