ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ

โดยเฉลี่ย รอบเดือนของผู้หญิงจะอยู่ที่ 28 วัน ชีวิตประจำวันของเราส่งผลต่อฮอร์โมนและรอบเดือน เช่น ความเครียดสามารถทำให้ประจำเดือนมาช้าได้ ความผันผวนเล็กน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านั้นควรเข้ารับการตรวจ

ความสมดุลที่เปลี่ยนแปลง: ก้าวข้ามความท้าทายของประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ

ยกเว้นว่าเป็นอาการของโรคร้ายแรง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอมักไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้หญิงมากนัก มีข้อยกเว้นในบางกรณี โดยเฉพาะหากคุณพยายามมีบุตร รอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ตั้งครรภ์ยากขึ้น ถ้ารังไข่ไม่ปล่อยไข่สุกออกมาอย่างสม่ำเสมอ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อยลง

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอคืออะไร?

รอบเดือนของผู้หญิงไม่ได้เป๊ะเหมือนนาฬิกา ความผันผวนถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในเด็กหญิงที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนในช่วงไม่กี่ปีแรก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนมากมายในช่วงวัยแรกรุ่น จึงไม่น่าแปลกใจหากจะใช้เวลาสักระยะกว่าระบบจะเข้าสู่สภาวะปกติ

อย่างไรก็ดี หากรอบเดือนของคุณซึ่งเดิมทีสม่ำเสมอกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ หรือระยะระหว่างรอบเดือนยาวหรือสั้นเกินไป ควรให้ความสนใจ รอบเดือนที่ถือว่าปกติจะอยู่ที่ 21-35 วัน

ระยะเวลาและปริมาณการมีประจำเดือน ก็ควรคำนึงถึง ประจำเดือนที่สั้นกว่า 2 วัน หรือยาวกว่า 7 วัน ถือว่าผิดปกติ (โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3–5 วัน) ปริมาณเลือดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ปริมาณ 10 มล. ต่อรอบถือว่าปกติ เช่นเดียวกับ 100 มล.


บางคนมีประจำเดือนมามากหรือน้อยกว่าคนอื่น รอบเดือนยาวหรือสั้น แตกต่างกัน จุดสำคัญคือคุณต้องรู้ว่าตัวเองปกติแบบไหน และสังเกตให้ทันหากสิ่งใดเปลี่ยนไป

ภาวะไม่มีประจำเดือน (Amenorrhea) คือการไม่มีประจำเดือนเลย

ภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติ (Menorrhagia) คือภาวะที่มีเลือดออกมากหรือยาวนานเกินไป

หากคุณกังวล ควรปรึกษาแพทย์ เพราะโรคบางอย่างอาจรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา จึงแนะนำให้สอบถามข้อสงสัยโดยเร็วที่สุด

สาเหตุที่เป็นไปได้

ในสื่อส่วนใหญ่ การประจำเดือนมาช้ามักหมายถึง การตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นไปได้และควรตรวจสอบให้แน่ใจ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ควรพิจารณา

ความผิดปกติทางจิตใจ และความเครียดอย่างเฉียบพลัน ส่งผลกระทบต่อระบบในร่างกายที่บอบบาง ในช่วงที่มีความเครียด ระดับคอร์ติซอลจะสูงขึ้น ซึ่งคอร์ติซอลส่งผลให้ระดับเอสโตรเจนและลูโทรปินลดลง ทำให้ การตกไข่ อาจไม่ปกติ หากคุณมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แล้วบริโภคกาแฟ บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาเสพติดมากไป อาการจะยิ่งแย่ลง

ใครที่ทำงานเป็นกะจะเข้าใจดีว่า รอบการนอนหลับไม่แน่นอน ส่งผลเสียต่อร่างกาย เวลาในร่างกาย (Circadian Rhythm) ส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนโดยตรง

โรคการกินผิดปกติ เช่น บูลิเมีย หรือ อะนอเร็กเซีย เป็นสาเหตุของประจำเดือนไม่ปกติในหญิงสาวบ่อยครั้ง การขาดสารอาหารทำให้ร่างกายหยุดการทำงานที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต เช่น ระบบสืบพันธุ์ ถ้าน้ำหนักเกินทำให้ร่างกายผลิตเอสโตรเจนมากเกินไป ซึ่งรบกวนรอบเดือนได้เช่นกัน

ออกกำลังกายหนักเกินไป ทำให้พลังงานทีใช้ไม่สมดุลกับพลังงานที่ได้รับ ส่งผลคล้ายการขาดสารอาหารคือร่างกายจะให้ความสำคัญกับอวัยวะที่จำเป็นต่อชีวิต จนอาจทำให้ประจำเดือนมาน้อย ไม่แน่นอน หรือหยุดไปเลย

ให้นมบุตร ทำให้ระดับฮอร์โมนบางชนิดสูงตลอด ยิ่งให้นมนาน ก็มีแนวโน้มที่ประจำเดือนจะน้อยหรือขาดหายได้ (แต่แต่ละคนแตกต่างกัน) เมื่อหยุดให้นม ประจำเดือนจะกลับมา

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน บางชนิดลดปริมาณเลือดประจำเดือน หรือหยุดประจำเดือนได้

ยาบางกลุ่ม เช่น ยาระงับประสาท (neuroleptics) และ ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) สามารถทำให้ประจำเดือนไม่มา หรือช้าลง โดยไปเพิ่มปริมาณโปรแลคตินในเลือด ในกรณีนี้จะเกิด ไฮเปอร์โปรแลคตินีเมีย (hyperprolactinaemia) ซึ่งนำไปสู่ประจำเดือนไม่ปกติเนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน ระดับโปรแลคตินสูงยังทำให้เกิดการหลั่งน้ำนมผิดปกติและปัญหาทางเพศได้เช่นกัน

สัญญาณของโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS): ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ขนตามร่างกายเพิ่มขึ้น มีสิวมากขึ้น


หากประจำเดือนมาไม่ปกติ ร่วมกับขนขึ้นตามร่างกายมากขึ้น และมีสิว อาจเป็นอาการของ โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS หรืออีกชื่อหนึ่งคือ polycystic ovarian dystrophy) ซึ่งพบได้บ่อยในปัจจุบัน สาเหตุหนึ่งมาจากได้รับ สารรบกวนต่อมไร้ท่อ (endocrine disruptors) ที่เลียนแบบฮอร์โมนในร่างกาย เช่น สารเคมีในพลาสติก ยาฆ่าแมลง ยารักษาโรค อาหาร น้ำ และดิน สามารถพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน

อีกสาเหตุที่พบบ่อยคือ ไทรอยด์เป็นพิษ (hyperthyroidism) เมื่อฮอร์โมนไทรอยด์สูง รอบเดือนจะมาห่างและสั้นลง หรือมาน้อย แต่หากเป็น ไทรอยด์ทำงานน้อย (hypothyroidism) ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ประจำเดือนจะมาถี่มากขึ้น ยาวนานและมาก พร้อมปวดประจำเดือนมากขึ้น

ประจำเดือนมามาก พร้อมกับปวดท้องน้อย อาจบ่งบอกการมีติ่งเนื้อ เนื้องอก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหรือปากมดลูก ภาวะเมนส์มามากหากไม่ได้รับการรักษาสามารถทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้

หากไม่มีประจำเดือนร่วมกับมีน้ำนมผิดปกติ อาจเป็น เนื้องอกของต่อมใต้สมองที่สร้างโปรแลคติน (prolactin adenoma หรือ prolactinoma) ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) คือภาวะที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่นอกมดลูก มักพบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โรคนี้ไม่ใช่มะเร็ง แต่ทำให้ปวดท้องมาก และทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เจ็บปวด และมีปัญหามีบุตรยาก

Advertisement


เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน อาจเกิดจาก โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Inflammatory Disease - PID) ซึ่งเป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1 ใน 4 กรณี เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอร่วมกับร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยล้า ในผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ อาจเป็นสัญญาณของ วัยก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause) หรือช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่วัยหมดประจำเดือน (menopause) ซึ่งรังไข่หยุดการปล่อยไข่ โดยเฉลี่ยช่วงเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลา 4 ปี แต่บางคนอาจนานถึง 10 ปี

การรักษา

การรักษาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ คุณหมอจะซักประวัติในหลายๆ ด้าน เช่น การใช้ยา อาหาร การออกกำลังกาย และควรจดบันทึกประจำเดือนและความรู้สึกในแต่ละช่วงไว้ด้วยเพราะจะเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัย

  • หากคุณเป็น PCOS หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หมออาจแนะนำยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน
  • หากเป็นไทรอยด์ทำงานน้อย อาจต้องรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์เพิ่มเติม
  • โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
  • ยาคุมกำเนิดบางชนิดส่งผลเสีย หมออาจแนะนำวิธีคุมกำเนิดแบบอื่น
  • การลดความเครียด ออกกำลังกายและเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะช่วยให้รอบเดือนกลับมาปกติ

ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะเปิดใจคุยเรื่องสุขภาพผู้หญิงเสมอไป ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลที่จริงใจหรือถูกเมินเฉย ควรมองหาแพทย์ท่านใหม่ อย่าปล่อยตัวเองไว้โดยไม่รักษา เพียงเพราะอคติหรือความไม่รู้ของผู้อื่น ร่างกายคุณสมควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

คุณสามารถติดตามรอบเดือนได้ผ่าน WomanLog ดาวน์โหลดแอป WomanLog ได้เลย:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.webmd.com/women/why-is-my-period-so-random#1
https://geekymedics.com/how-the-gonadal-axis-works/
https://www.revmed.ch/RMS/2010/RMS-253/Troubles-du-cycle-a-l-adolescence-une-banalite
https://www.healthline.com/health-news/losing-period-exercise-bad-sign#5
https://www.hormone.org/hormones-and-health/hormones/prolactin
https://www.foxnews.com/health/19-signs-your-thyroid-isnt-working-right
https://www.medicalnewstoday.com/articles/178635.php
https://www.bodyandsoul.com.au/health/natural-health/how-can-i-fix-irregular-periods/news-story/853724f90f9cf2e592d42e9b97be42f1
https://sante-guerir.notrefamille.com
Advertisement


เมื่อไหร่ฉันจะมีประจำเดือนครั้งแรก? จะมีสัญญาณอะไรบ้าง? จะรู้ได้อย่างไร? ฉันอายุเหมาะสมหรือยัง? คำถามเหล่านี้สำคัญมาก และคำตอบจะช่วยให้คุณเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเริ่มเป็นสาว ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าเหตุใดประจำเดือนถึงเกิดขึ้นตั้งแต่แรก, วิธีเตรียมตัวสำหรับการมีประจำเดือนครั้งแรก และวิธีเริ่มต้นพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และน่าเสียดายที่ประจำเดือนของผู้หญิงหยุดไม่ได้แม้จะเกิดเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติจริง บทความนี้จะให้ไอเดียในการดูแลและจัดการประจำเดือน แม้ในช่วงวิกฤตหรือยามคับขัน
โดยความหมายแล้ว การมีประจำเดือนมาพร้อมกับการไหลของประจำเดือน ซึ่งเป็นการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นวัฏจักร เช่นเดียวกับที่เขียนไว้บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์อนามัยสำหรับผู้หญิง การไหลอาจเบา หนัก หรือ “ปกติ” แต่คำว่าปกตินั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละร่างกาย