New! Sign in to manage your account, view your records, download reports (PDF/CSV), and view your backups. Sign in here!
Share this article:

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนและแบบไม่ใช้ฮอร์โมน: เปรียบเทียบข้อดี ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และค่าใช้จ่าย

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนและแบบไม่ใช้ฮอร์โมนต่างกันอย่างไร? แต่ละแบบให้ข้อดีและผลข้างเคียงอะไรบ้าง? ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับห่วงอนามัยแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ภาพเปรียบเทียบห่วงอนามัยฮอร์โมนกับห่วงอนามัยไม่ใช้ฮอร์โมน พร้อมเน้นคุณประโยชน์ ผลข้างเคียง และค่าใช้จ่าย

หากคุณเคยพิจารณาการคุมกำเนิด ไม่ว่าด้วยเหตุผลด้านสุขภาพหรือป้องกันการตั้งครรภ์ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับสองทางเลือกนี้: แบบใช้ฮอร์โมน และ แบบไม่ใช้ฮอร์โมน การคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมนมีให้เลือกหลายรูปแบบ ตั้งแต่ยาคุมกำเนิดแบบผสม แหวนในช่องคลอด ไปจนถึงห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน ส่วนแบบไม่ใช้ฮอร์โมนนั้นมีให้เลือกน้อยกว่า หากคุณไม่ต้องการให้วิธีคุมกำเนิดส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ตัวเลือกที่เหลือคือวิธีแบบกั้น หรือห่วงอนามัยทองแดง ในบทความนี้เราจะเปรียบเทียบห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนและแบบไม่ใช้ฮอร์โมน

คุณจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ:

  • หลักการทำงานของห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนและแบบไม่ใช้ฮอร์โมน
  • ประสิทธิภาพ
  • ระยะเวลาการใช้งานของแต่ละชนิด
  • ค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการใส่ห่วงอนามัย

ห่วงอนามัย (IUD) คืออะไร

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนและแบบไม่ใช้ฮอร์โมน เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดขนาดเล็ก รูปตัว T ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกโดยแพทย์ รูปร่างของห่วงออกแบบมาให้พอดีกับ โพรงมดลูก และปล่อยฮอร์โมนหรือไอออนทองแดงเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์

ห่วงอนามัยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก

  • ห่วงอนามัยทองแดง
  • ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน

ทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการตั้งครรภ์ และถือว่ามีอัตราความสำเร็จสูงที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ

ปัจจุบันห่วงอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่นิยมเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิงทั้งที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน เป็นรองแค่การทำหมันหญิงและถุงยางอนามัย

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนจะปล่อยฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งเป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสตินเลียนแบบฮอร์โมนเพศหญิง (โปรเจสเตอโรน) ปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในโพรงมดลูก ฮอร์โมนนี้จะทำให้น้ำเมือกปากมดลูกข้นขึ้น สperm จะผ่านเข้าไปหาหไข่ได้ยาก อีกทั้งเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrium) จะบางลง ส่งผลให้ประจำเดือนมักลดลง อาจเลิกมาเลย และลดโอกาสที่ไข่จะฝังตัว

แม้จะเป็นการคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน แต่ห่วงอนามัยฮอร์โมนจะปล่อยฮอร์โมนเฉพาะที่ในโพรงมดลูก ไม่ได้กระจายทั่วร่างกายเหมือนยาคุมแบบรับประทาน แผ่นแปะ หรือฉีด

แบรนด์ห่วงอนามัยฮอร์โมนที่ได้รับความนิยม ได้แก่

  • Mirena: เป็นแบบที่ใช้กันแพร่หลาย มีเลโวนอร์เจสเตรล 52 มก. ใช้ได้นานสูงสุด 7 ปี มักใช้ร่วมรักษาอาการประจำเดือนมามากผิดปกติด้วย
  • Kyleena: ตัวเลือกยอดนิยมอีกยี่ห้อ มีฮอร์โมนน้อยกว่า คือ 19.5 มก. ใช้ได้นาน 5 ปี เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่มีลูก แต่มีแผนจะตั้งครรภ์ในอนาคต
  • Skyla/Jaydess: ปล่อยฮอร์โมนต่ำที่สุด เพียง 13.5 มก. ใช้ได้ 3 ปี เหมาะกับวัยรุ่นหรือผู้ที่มีโพรงมดลูกเล็ก

ประสิทธิภาพของห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน

ห่วงอนามัยเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เกิน 99% เนื่องจากลดปัจจัยเสี่ยงจากการลืมหรือใช้ผิดวิธี เมื่อใส่เข้าไปแล้วจะอยู่ในโพรงมดลูกจนถึงกำหนดนัดเปลี่ยนหรือถอดออก

ใช้งานห่วงอนามัยฮอร์โมนได้นานแค่ไหน

ส่วนใหญ่ใช้ได้ 3–8 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ อย่าลืมสอบถามคุณหมอในวันใส่และจดบันทึกวันหมดอายุไว้อย่างชัดเจน หากยังไม่ต้องการตั้งครรภ์

ข้อดีของห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน

ถือว่าเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัยและได้ผลสูงกว่า 99%

ข้อดีเพิ่มเติม:

  • ลดประจำเดือนมากผิดปกติ ภายใน 3 เดือนแรกที่ใช้ มักทำให้ปริมาณประจำเดือนน้อยลงหรือหมดไปเลย
  • ช่วยให้ปวดประจำเดือนน้อยลงหรือไม่มีเลย
  • ลดอาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ลดอาการปวดจากโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ
  • ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
  • ป้องกันภาวะโลหิตจางเพราะเสียเลือดประจำเดือนน้อยลง
  • บรรเทาอาการช่วงใกล้วัยทอง (perimenopause)
  • ป้องกันได้นาน แต่สามารถถอดออกแล้วกลับมาตั้งครรภ์ได้ทันที
  • ไม่ต้องกินยาทุกวัน
  • ได้รับฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกายน้อยกว่ายาเม็ดคุมกำเนิด
  • คุ้มค่าในระยะยาวมากกว่ายาคุมรายเดือน

ผลข้างเคียงของห่วงอนามัยแบบฮอร์โมน

ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนมักเกิดผลข้างเคียงด้านระบบฮอร์โมนมากกว่าแบบไม่ใช้ฮอร์โมน แต่ยังน้อยกว่าวิธีอื่นเช่นยาคุมชนิดเม็ด ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือปวดเกร็งช่องท้องและ เลือดออกกระปริบกระปรอย ในช่วง 1-3 วันแรกที่ใส่ บางรายอาจนานถึง 6 เดือน ประจำเดือนอาจหยุดหรือมีน้อยมากจนใช้แผ่นอนามัยก็เพียงพอ ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ สิว อารมณ์แปรปรวน หรือท้องอืด

ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่มีความเสี่ยงมาก:

  • ห่วงอนามัยเลื่อนหลุดหรือออกหมด
  • โพรงมดลูกทะลุหรือฉีกขาด
  • อุ้งเชิงกรานอักเสบ

ค่าห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนเท่าไร

ราคาจะแตกต่างกันตามยี่ห้อ สถานที่ และสิทธิประกันสุขภาพ ต้องจ่ายค่าตัวอุปกรณ์รวมถึงค่าทำหัตถการด้วย อเมริกาอยู่ที่ 0–1,300 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับประกันหรือสวัสดิการ

ประเทศยุโรปเช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ราคาพร้อมใส่ประมาณ 120-200 ยูโร

ห่วงอนามัยแบบไม่ใช้ฮอร์โมน

ตัวเลือกแบบไม่ใช้ฮอร์โมนมีแต่ห่วงอนามัยทองแดง ผลิตจากทองแดงที่ปล่อยไอออนออกมาทำลายเซลล์อสุจิ

ไอออนทองแดงจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของมดลูกให้เป็นพิษต่ออสุจิ ฆ่าหรือยับยั้งไม่ให้อสุจิเข้าปฏิสนธิกับไข่ นอกจากนี้ทองแดงยังเร่งให้ร่างกายตอบสนองแบบอักเสบในมดลูก ป้องกันไม่ให้ไข่ที่ผสมแล้วฝังตัวได้

Advertisement


ประสิทธิภาพของห่วงทองแดง

คล้ายกับแบบฮอร์โมน ห่วงทองแดงกันตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% เพราะไม่ต้องพึ่งพาการใช้งานของผู้ใช้ เริ่มป้องกันได้ทันทีที่ใส่ จึงมักใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินเมื่อใส่ภายใน 5 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน

ห่วงทองแดงใช้นานแค่ไหน

ถือเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่ถอดเปลี่ยนได้และอยู่ได้นาน ส่วนใหญ่ใช้งานได้สูงสุดถึง 10 ปี ต้องจดวันใส่ไว้เพื่อนัดพบแพทย์ก่อนครบ 10 ปีเพื่อเปลี่ยนหรือถอดออก

ข้อดีของห่วงทองแดง

คุมกำเนิดได้ดีในระยะยาว โดยไม่ปล่อยฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ไวต่อฮอร์โมน หรือต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของฮอร์โมน

อาศัยคุณสมบัติของทองแดง ห่วงไม่ใช้ฮอร์โมนจึงใช้เป็น คุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้ (ถ้าใส่ภายใน 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์)

ใช้ได้กับคุณแม่ช่วงให้นมบุตร เพราะไม่กระทบฮอร์โมน และสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังถอดออก

ผลข้างเคียงของห่วงแบบไม่ใช้ฮอร์โมน

ห่วงทองแดงมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพโดยรวมค่อนข้างน้อย แต่ส่งผลต่อรอบเดือนชัดเจน ประจำเดือนอาจมากขึ้นหรือเท่าเดิม และปวดท้องมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงเดือนแรกๆ ดังนั้นไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาก แพ้ทองแดง หรือเป็นโรควิลสัน

ค่าห่วงทองแดงเท่าไร

ราคาจะรวมค่าอุปกรณ์และค่าหัตถการเช่นเดียวกับแบบฮอร์โมน ในอเมริกาโดยเฉลี่ยประมาณ 1,000 ดอลลาร์ขึ้นไป ประเทศยุโรปราคาประมาณ 130–450 ยูโร (รวมค่าทำหัตถการ)

กระบวนการและการเตรียมตัวใส่ห่วงอนามัย

ขั้นตอนการใส่ห่วงไม่ซับซ้อน แต่บางคนอาจรู้สึกเจ็บ คลินิกมักแนะนำให้กินยาแก้ปวดเช่นไอบูโพรเฟนล่วงหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง หรือขอใช้ยาชาเฉพาะจุดก็ได้ อาการเจ็บเกิดขึ้นเพราะแพทย์ต้องเปิดปากมดลูกเพื่อใส่ห่วงทำให้มดลูกบีบตัวเหมือนปวดประจำเดือน แต่บางรายอาจรู้สึกเจ็บรุนแรง เวียนหัวหรือคลื่นไส้ได้ ดังนั้นควรแจ้งและปรึกษาวิธีจัดการความเจ็บปวดกับแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ โชคดีที่อาการเจ็บจะหายเร็วในไม่กี่วัน

การใส่ห่วงอนามัยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีที่คลินิก หรือโรงพยาบาล แพทย์จะตรวจยืนยันว่าคุณไม่ได้ตั้งครรภ์ ควรนัดใส่ช่วงมีประจำเดือน เพราะปากมดลูกจะเปิดมากที่สุด ทำให้เจ็บน้อยลง

ขั้นตอนคือ นอนบนเตียงตรวจ เท้าพาดบนขาหยั่ง แพทย์ตรวจภายใน ใส่เครื่องมือถ่างในช่องคลอดเพื่อเห็นปากมดลูก ทำความสะอาดช่องคลอดและปากมดลูก วัดขนาดโพรงมดลูกด้วยแท่งวัด จากนั้นใส่ห่วงอนามัยเข้าไป แล้วตัดสายห่วงเหลือยาว 1-2 นิ้ว

การฟื้นตัวทำได้ง่าย กลับไปทำงานหรือเรียนได้ในวันเดียวกัน หลังใส่แพทย์อาจแนะนำให้กินยาแก้ปวดและประคบร้อน 24 ชั่วโมงหลังห้ามมีเพศสัมพันธ์หรืองดใส่ผ้าอนามัยแบบสอดหรือถ้วยอนามัย วันแรกแนะนำให้งดอาบน้ำแช่ในอ่างและซาวน่า

ควรเฝ้าระวังอะไรหลังใส่ห่วงอนามัย

เป็นปกติที่จะรู้สึกไม่สบายและปวดเกร็งหลังใส่ห่วงไม่กี่วัน ถ้ามีไข้ เจ็บท้องรุนแรง ตกขาวผิดปกติ เลือดออกมากกว่าปกติ หรือปวดท้องที่ไม่ดีขึ้นแม้กินยา ควรพบแพทย์ทันที

แม้จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ควรตรวจสายห่วงทุกเดือนโดยเฉพาะหลังหมดประจำเดือน คุณหรือพาร์ทเนอร์ไม่ควรคลำเจอสายห่วง หากคลำเจอสายห่วงหรือสายมีความยาวที่ผิดปกติ ควรให้แพทย์ตรวจและตัดสายตามความเหมาะสม

สังเกตการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนและอาการแปลก ๆ ที่อาจสื่อถึง การตั้งครรภ์ (แม้ว่าการตั้งครรภ์ระหว่างใช้ห่วงจะพบได้น้อยมาก) หากคลำไม่พบสายห่วงหรือคลำเจอพลาสติก ควรพบแพทย์ทันที

เลือกวิธีคุมกำเนิดที่ใช่สำหรับคุณ

ปัจจุบันมีวิธีคุมกำเนิดหลากหลายให้เลือกในสังคมตะวันตก ต้องใช้เวลาในการหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองจริง ๆ ห่วงอนามัยแบบฮอร์โมนจะเด่นเรื่องลดอาการปวดประจำเดือนและเลือดออกมาก ส่วนห่วงอนามัยทองแดงมีผลข้างเคียงโดยรวมน้อยกว่า ก่อนตัดสินใจควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์เรื่องผลข้างเคียงและข้อดีต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเป็นเจ้าของสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์ของตัวเอง

ดาวน์โหลด WomanLog ได้แล้ววันนี้:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

Share this article:
https://www.ined.fr/en/everything_about_population/demographic-facts-sheets/faq/most-widely-used-contraceptive-methods-world/#:~:text=The%20most%20commonly%20used%20contraceptive,method%20and%20other%20traditional%20methods
https://www.webmd.com/sex/birth-control/non-hormonal-birth-control-options
https://www.plannedparenthood.org/learn/birth-control/iud/how-effective-are-iuds
https://www.plannedparenthood.org/learn/birth-control/iud/non-hormonal-copper-iud
Advertisement


น้ำผึ้งคือขนมหวานเหนียวจากธรรมชาติอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติในการเยียวยา แต่สำหรับว่าที่คุณแม่ อาจสงสัยว่าน้ำผึ้งปลอดภัยสำหรับตนเองและลูกน้อยในครรภ์หรือไม่
กล้วยเป็นซูเปอร์ฟู้ดสำหรับสาวๆ หลายคน เต็มไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็น ไม่ต้องเตรียมอะไรพิเศษ แถมยังมีเปลือกของตัวเอง—เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการของว่างเพื่อสุขภาพและสะดวกรวดเร็ว แต่ทำไมบางแหล่งข้อมูลจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงกล้วยขณะตั้งครรภ์?
โอกาสในการตั้งครรภ์ในเดือนแรกหลังเริ่มพยายามมีแค่ 20-30% เท่านั้น ยิ่งพยายามนานขึ้น โอกาสสำเร็จก็ยิ่งดีขึ้น ประมาณ 80% ของคู่รักสามารถตั้งครรภ์ได้ภายในปีแรกของการพยายาม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเพราะมีหลายปัจจัยที่ลดโอกาสในการปฏิสนธิ หนึ่งในปัจจัยที่น่าสนใจก็คือ 'ทฤษฎีมดลูกเลือกได้' บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าต้องมีอะไรบ้างถึงจะตั้งครรภ์ได้ และบางที...มดลูกของคุณอาจกำลังขัดขวางอยู่