ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

การจัดการงานบ้านในความสัมพันธ์คู่รัก

ความสัมพันธ์ควรมอบความรัก ความมั่นคง และความรู้สึกเป็นเพื่อนแท้ให้แก่กัน ทุกคนต่างต้องการความสัมพันธ์ลึกซึ้งและมีความหมายในชีวิต อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์จะง่ายดาย ความสัมพันธ์แบบโรแมนติกโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ระยะยาวมักเผชิญความท้าทาย ความไม่เท่าเทียม แนวทางการแสดงความรักที่แตกต่าง และปัญหาในการสื่อสาร ต่างส่งผลให้รู้สึกไม่พอใจในความสัมพันธ์ บทความนี้จะนำทางคุณผ่านข้อขัดแย้งที่คู่รักมักเจอ และแนวทางการหาจุดร่วมกัน

สร้างบ้านที่สงบสุข - การจัดการงานบ้านในความสัมพันธ์คู่รัก

สำหรับความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ทุกวันคงไม่ใช่สวนดอกไม้เลอค่าเสมอไป การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อช่วงโรแมนติกเปลี่ยนเป็นความธรรมดา ความคิดเห็นไม่ตรงกันทั้งเรื่องลูก เงิน อาชีพ และงานบ้านล้วนมีผลกระทบต่อคุณภาพของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยรักได้

ความไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์แสดงออกอย่างไร?

เมื่อมีคนบอกว่าความสัมพันธ์ระยะยาวต้องใช้ความพยายาม พวกเขาไม่ได้หมายความว่าการใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนคือภาระหรือหน้าที่ แต่หมายถึงการที่ต้องหาวิธีอยู่ร่วมกันที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองฝ่าย ต้องรู้จักประนีประนอมและใส่ใจว่าเราทั้งคู่อยู่ร่วมกันแบบมีความสุขหรือไม่

หนึ่งในสาเหตุหลักที่คู่รักมักไม่พอใจคือการแบ่งงานบ้าน


เช่น ในคู่รักต่างเพศที่สหราชอาณาจักรก่อนโควิด-19 ผู้หญิงใช้เวลาและความพยายามทำงานบ้านมากกว่าผู้ชายถึง 1.8 เท่า—รวมถึงการทำความสะอาด ทำอาหาร เลี้ยงดูบุตร และแบกรับภาระทางจิตใจในการวางแผนและจัดการครอบครัว

หลังจากการแพร่ระบาด สถิตินี้ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกมาก ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยต้องลาออกจากงานเพื่อสอนลูกที่บ้านและทำงานบ้านที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนอื่นๆ

ประเด็นเรื่องความเสมอภาคในความสัมพันธ์จึงถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง

อ่านต่อ: ขาดความต้องการทางเพศในความสัมพันธ์ระยะยาว

ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศกับงานบ้าน

เมื่อต้องทำงานสองกะ—กะหนึ่งที่ทำงาน และอีกกะที่บ้าน—ชีวิตผู้หญิงจึงถูกจำกัดอยู่แค่การทำงานและการดูแลผู้อื่น ทำให้พลาดโอกาสเติบโตทางอาชีพและพัฒนาตนเองไปอีกขาดเวลาใส่ใจตัวเองและพักผ่อนง่ายๆ จนนำไปสู่ภาวะหมดไฟได้ไม่ยาก

การต้องแบกรับงานบ้านไม่เป็นธรรมยังทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียด ถ้าคู่ของคุณไม่ใส่ใจตอบสนองความต้องการของกันและกัน คนใดคนหนึ่งจะเริ่มรู้สึกน้อยใจและขุ่นเคืองได้ เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องเล็กๆ ภาพรวมของความสัมพันธ์ก็จะได้รับผลกระทบ ความสนิทสนมลดลง ความหงุดหงิดมากขึ้น ไม่สนุกกับการใช้เวลาร่วมกัน หรือเริ่มรู้สึกว่าไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน

อ่านต่อ: ผลกระทบของความเครียดต่อสุขภาพทางเพศและการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง

ความไม่เท่าเทียมทางเพศในบ้านส่งผลต่อลูกด้วย หากเด็กๆ เห็นพ่อแม่แบ่งหน้าที่หรือรับผิดชอบงานประจำวันอย่างเท่าเทียม พวกเขาก็มีโอกาสนำพฤติกรรมสุขภาพดีนี้ไปใช้ในความสัมพันธ์ในอนาคต แต่หากแม่เป็นคนทำงานบ้านเกือบทั้งหมด ลูกก็จะมองว่านี่คือหน้าที่ของผู้หญิง

ภาษาแห่งความรักที่แตกต่าง

บางครั้งการแบ่งงานบ้านไม่เท่าเทียมไม่ได้มาจากความไม่เสมอภาคเสมอไป หนังสือ The Five Love Languages: How to Express Heartfelt Commitment to Your Mate ของแกรี แชปแมน กล่าวถึงวิธีหลัก 5 แบบที่คนเราใช้แสดงความรักกับผู้อื่น ที่สำคัญคือ เราอาจไม่เข้าใจวิธีที่คนรักแสดงความรักต่อเรา


ตามหนังสือของแชปแมน ภาษารักหลักมี 5 แบบ ได้แก่ การบอกความรู้สึกดีๆ การกระทำ การให้ของขวัญ การใช้เวลาคุณภาพ และการสัมผัสร่างกาย ความสำคัญของแต่ละอย่างจะต่างกันไปในแต่ละคน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างคนใกล้ชิดได้ง่าย

บ่อยครั้ง คู่รักมักไม่เข้าใจตรงกันในสิ่งที่ทำให้ตนเองรู้สึกได้รับความรัก เช่น ภาษารักของคุณคือการกระทำ แต่คู่ของคุณให้ความสำคัญกับการให้ของขวัญ เขาอาจไม่เข้าใจความหมายของสิ่งเล็กๆ ที่คุณทำให้ หากสิ่งนี้ฟังดูคุ้นเคย ลองถามตัวเองดูว่าภาษารักที่สำคัญกับคุณคืออะไร? ของอีกฝ่ายคืออะไร? เราได้เห็นและชื่นชมในสิ่งที่อีกคนทำให้กันบ้างหรือยัง?

กลยุทธ์แก้ปัญหาในชีวิตจริง


จะแก้ปัญหาอย่างไรดี?

พูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง

ต้องอาศัยสองคนในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความสุข หากคุณต้องการให้คู่รักเปลี่ยนวิธีทำอะไรบางอย่าง คุณต้องกล้าพูดคุย หากคุณรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ จงพยายามสื่อสารความคิดและความรู้สึกออกมาให้ชัดเจน หลายครั้งเมื่อใช้ชีวิตร่วมกับใครนานๆ จะคาดหวังให้อีกฝ่ายรู้ใจและเข้าใจอารมณ์เรา แต่ความจริงคือ คนรักอ่านใจเราไม่ได้ วิธีเดียวที่เธอจะเข้าใจคือคุณต้องบอกเธอ

อธิบายจากมุมมองของคุณ

การต้องทำงานบ้านเกินส่วนของตัวเองเป็นเรื่องเหนื่อยและบั่นทอนความสัมพันธ์ได้ แต่คู่ของคุณอาจไม่รู้ว่าคุณรู้สึกแบบนั้น โดยเฉพาะหากคุณไม่เคยพูดให้เขาฟัง

การพูดว่า “คุณไม่เคยล้างจานเลย” หรือ “คุณชอบทิ้งถุงเท้าไว้ทุกที่” ดูเป็นการกล่าวหาและไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี แต่ถ้าคุณอธิบายให้คู่ของคุณเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นกระทบความรู้สึกคุณอย่างไร เขาอาจเข้าใจมากขึ้น เช่น หากคุณเป็นคนเตรียมอาหารให้ลูกทุกวันจนไปทำงานสาย ก็อาจพูดว่า “ฉันทำสิ่งนี้ทุกเช้า มันทำให้ฉันเครียดและไม่มีสมาธิ คุณช่วยทำแทนได้ไหม?

การอธิบายความรู้สึกด้วยใจจริงจะได้ผลดีกว่าการบ่น ตะโกน หรือเงียบใส่ เพราะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเลือกที่จะเป็นคู่รักที่ดี แทนที่จะรู้สึกว่าถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด

Advertisement


มองหาประนีประนอมกัน

ถึงจะพยายามมากแค่ไหน คู่รักก็อาจจะแบ่งหน้าที่งานบ้านกันลงตัวเป๊ะ 50/50 ไม่ได้เสมอไป และนั่นก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ บางคนทำงานหนักกว่าหรือมีงานเครียดมากกว่า อีกฝ่ายจึงอาจเป็นคนจัดการงานบ้านมากกว่า ความสัมพันธ์ที่ดีคือการปรับตัวเข้าหากันมากกว่าการยึดกรอบบทบาทตายตัว

การพูดคุยถึงความชอบก็ช่วยได้ งานบ้านอาจไม่น่าสนุกแต่บางอย่างก็น่าทำกว่าส่วนอื่น เช่น คุณอาจชอบทำอาหารแต่คู่ของคุณชอบช่วยลูกทำการบ้าน หรือคุณไม่ติดทำความสะอาดพื้นแต่เขาชอบดูดฝุ่น ความประนีประนอมของแต่ละคู่จะไม่เหมือนกัน แต่จะนับเป็นการประนีประนอมก็ต่อเมื่อทั้งสองคนพอใจ หากไม่เช่นนั้น สิ่งที่ดูเหมือนประนีประนอมสำหรับคนหนึ่งอาจกลายเป็นการเสียสละที่ฝืนใจสำหรับอีกคน

ขอคำปรึกษาจากนักบำบัดคู่รัก

แม้จะอยู่ด้วยกันมานาน หลายคนก็ยังยากที่จะพูดออกมาถึงความเจ็บปวดหรือความต้องการของตัวเอง การบำบัดคู่รักช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้นและแก้ปัญหาที่ซ่อนเร้น หากคู่รักของคุณไม่มีทางเข้าใจความกังวลของคุณเอง นักบำบัดจะเป็นตัวช่วยในการสื่อสารและสร้างสายสัมพันธ์

เมื่อความไม่เท่าเทียมกลายเป็นเส้นแบ่ง?

แต่ละความสัมพันธ์แตกต่างกัน รวมถึงระดับความมุ่งมั่นในความเสมอภาคด้วย บางคู่เลือกที่จะแบ่งงานบ้านให้เท่าเทียมกัน 50/50 แต่บางคู่ 80/20 ก็ยังโอเคหรือเหมาะสมถ้าอีกฝ่ายมีส่วนร่วมในด้านอื่นอย่างจริงจัง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของคุณต่อการแบ่งงานและการที่คู่รักพร้อมจะประนีประนอมและหาทางออกเพื่อให้ทั้งคู่พอใจ

ถ้าคุณรู้สึกว่าทำงานบ้านเกินส่วนของตัวเองจนเกิดความไม่พอใจ ถึงเวลาต้องคุยกัน แต่การพูดไม่เหมือนกับการลงมือทำ หากพูดคุยถกเถียงกันแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจต้องคิดทบทวนถึงคุณค่าของความสัมพันธ์นั้น ความไม่เสมอภาคในงานบ้านมักบ่งบอกถึงความไม่เท่าเทียมโดยรวมในความสัมพันธ์ หากคู่รักของคุณไม่พร้อมประนีประนอม ชอบชิงเหนือกว่าเสมอ และต้องเป็นฝ่ายชนะในการถกเถียง อาจต้องคิดใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

ล้างจาน เตรียมลูกเข้านอน วางแผนมื้ออาหารอาจดูเรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงข้อขัดแย้งเล็กๆ เหล่านี้แหละคือจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ในหลายๆ คู่ การจะมีความสัมพันธ์ที่มีความสุขอาจไม่ใช่เรื่องชัดเจน แต่การลงมือผ่านเหตุการณ์เล็กๆ เหล่านี้เป็นทีม สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

คุณสามารถติดตามรอบเดือนของคุณผ่านแอป WomanLog ดาวน์โหลด WomanLog ได้เลย:

ดาวน์โหลดบน App Store

ดาวน์โหลดบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.pewresearch.org/fact-tank/2016/11/30/sharing-chores-a-key-to-good-marriage-say-majority-of-married-adults/
https://internal-journal.frontiersin.org/articles/10.3389/fpsyg.2018.01330/full
https://www.npr.org/2020/05/21/860091230/pandemic-makes-evident-grotesque-gender-inequality-in-household-work?t=1633012027501
https://www.5lovelanguages.com/store/the-5-love-languages
การปัสสาวะขณะมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ผู้หญิงกังวลกันบ่อย แต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก หากคุณเคยมีปัญหานี้ขณะเล้าโลมหรือระหว่างถึงจุดสุดยอด ขอให้รู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวและเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและสามารถจัดการได้
ซ่อนตัวอยู่ภายในช่องคลอด คลิตอริสคืออวัยวะกระตุ้นความเสียวของระบบสืบพันธุ์หญิง คลิตอริสมีขนาดเท่าไร? มีบทบาทอย่างไร? ทำไมเมื่อถูกสัมผัสถึงให้ความสุข? มาค้นหาความลับของคลิตอริสไปด้วยกัน
ความต้องการทางเพศ หรือที่เรียกว่าลิบิโด คือระดับความกระตือรือร้นของแต่ละคนต่อความใกล้ชิดทางเพศ ความต้องการนี้ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ชีวิต ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และสังคม เช่น อายุ ฮอร์โมน ค่านิยมในครอบครัว วิถีชีวิต ประสบการณ์ทางเพศที่ผ่านมา แรงกดดันทางสังคม สุขภาพ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คู่รักจะมีความต้องการทางเพศไม่เท่ากัน