ใหม่! เข้าสู่ระบบเพื่อจัดการบัญชีของคุณ ดูบันทึก ดาวน์โหลดรายงาน (PDF/CSV) และดูข้อมูลสำรองของคุณ เข้าสู่ระบบที่นี่!
แชร์บทความนี้:

การตกไข่ทำให้คุณอ่อนไหวหรือไม่? - คู่มือฉบับสมบูรณ์

คุณเคยสังเกตไหมว่าในช่วงกลางรอบเดือน อารมณ์ของคุณเปลี่ยนไปไม่กี่วัน? นี่อาจเป็นสัญญาณของอาการตกไข่ แม้ระยะตกไข่จะสั้นที่สุดในรอบประจำเดือน แต่ก็สำคัญที่สุดเช่นกัน

ผู้หญิงกำลังครุ่นคิดถึงความรู้สึกช่วงตกไข่: เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างการตกไข่กับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

ความผันผวนของฮอร์โมนในร่างกายช่วงนี้มีผลต่อการตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว ในความเป็นจริง การตกไข่ทรงพลังมากจนถึงกับ มีผลต่อความฝันของคุณ และ ประสาทรับกลิ่นของคุณ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าช่วงที่อยู่ในหน้าต่างการเจริญพันธุ์ คุณอาจจะรู้สึกอ่อนไหวหรือวอกแวกมากขึ้น

เราจะพยายามค้นหาคำตอบเรื่องนี้ไปด้วยกัน ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้ความเกี่ยวเนื่องระหว่างการตกไข่กับอารมณ์ของคุณ รวมถึงวิธีดูแลตัวเองในช่วงวันดังกล่าวเพื่อให้รอบเดือนเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายขึ้น

การตกไข่และรอบเดือนคืออะไร?

เพื่อเข้าใจว่าทำไมการตกไข่จึงมีผลต่ออารมณ์ของคุณ มาดูกระบวนการและเหตุผลกันให้ลึกขึ้น

สำหรับหลายคน เมื่อพูดถึงรอบเดือน มักจะนึกถึงแค่ช่วงที่มีเลือดออก แต่ความจริงแล้ว ในช่วงเวลา 28-35 วัน หรือ ความยาวของรอบเดือน ร่างกายของคุณผ่าน ระยะต่างๆ ของรอบเดือน พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและปฏิกิริยาทางร่างกายที่ตอบรับ

วันแรกของรอบเดือนคือ วันที่มีประจำเดือนมา ในช่วงนี้ เยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดออก เพราะไข่จากรอบก่อนหน้าไม่ได้รับการปฏิสนธิ ปกติเลือดจะออก 2 ถึง 7 วัน

จากนั้นเข้าสู่ ระยะฟอลลิคูลาร์ เมื่อประจำเดือนใกล้หมด คุณอาจจะรู้สึกมีพลังมากขึ้น แอคทีฟขึ้น และเข้าสังคมมากขึ้น ร่างกายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการตกไข่ที่จะมาถึง ในระยะนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้คุณรู้สึกมีพลังและมั่นใจมากขึ้น

ตั้งแต่ต้นรอบ ฮอร์โมน โฟลิคเคิล-สติมูเลติง (FSH) และ ลูทีไนซิงฮอร์โมน (LH) เริ่มเพิ่มสูงขึ้น นาน 24 ถึง 36 ชั่วโมง ฮอร์โมนทั้งสองนี้กระตุ้นการเจริญของไข่ในรังไข่ ในเวลาเดียวกัน เอสโตรเจนจะกระตุ้นการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกใหม่ กระบวนการนี้จะดำเนินไปจนถึงประมาณ วันที่ 10-18 ของรอบเดือน (อาจเร็วหรือช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับรอบเดือนไม่เท่ากันในแต่ละคน)

เมื่อไข่ถูกปล่อยออกมาจะเป็น จุดเริ่มต้นของการตกไข่ การตกไข่เป็นหน้าต่างสั้นๆ 24-48 ชั่วโมง ที่ไข่เดินทางจากรังไข่ ผ่านท่อนำไข่มายังมดลูก ฟอลลิคูลจะแตกและปล่อยไข่ออกมารอการผสมพันธุ์ หากไม่มีตัวอสุจิมาผสม ไข่จะสลายตัวและร่างกายจะดูดซึมกลับไป

แม้ว่าการตกไข่จะกินเวลาเพียงวันหรือสองวัน แต่นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่การปฏิสนธิสามารถเกิดขึ้นได้

ในช่วงท้ายของรอบ ระยะลูทีล ฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนจะลดลง ฟอลลิคูลที่แตกจะผลิตโปรเจสเตอโรน ฮอร์โมนนี้เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกให้พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการฝังตัวในไม่กี่วันสำคัญนี้ เยื่อบุที่สร้างขึ้นจะหลุดออก กลายเป็น เลือดประจำเดือน และเริ่มต้นรอบใหม่อีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและอาการตกไข่

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในรอบเดือน มาดูที่ฮอร์โมนสำคัญ 3 ตัว คือ เอสโตรเจน เทสโทสเตอโรน และโปรเจสเตอโรน

เมื่อรอบใหม่เริ่ม ฮอร์โมนจะอยู่ในระดับต่ำ คุณอาจรู้สึกว่าอารมณ์ยังพอรับได้แต่ไม่ถึงกับดีมาก อาจเหนื่อยง่ายหรือหงุดหงิด

แต่ในช่วงวันที่ 5-7 ของรอบ เอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนจะเริ่มเพิ่มขึ้น คุณจะสัมผัสได้ว่ามีพลังมากขึ้น เข้าสังคมและกล้าแสดงออกมากขึ้น บางทีความวิตกกังวลกับการเข้าสังคมก็ลดลงด้วย

เมื่อเข้าใกล้ระยะตกไข่ เอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอถึงการตกไข่ ฮอร์โมนทั้งสองจะอยู่ในจุดสูงสุด

สำหรับผู้หญิงหลายคน ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดในรอบเดือน เพราะรู้สึกมีพลัง เข้าสังคมมั่นใจ กล้าเล่น กล้าแต่ง และรู้สึกตัวเองสวยขึ้นจริงๆ งานวิจัยพบว่าการตกไข่จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและดึงดูดมากขึ้น ทั้งต่อผู้อื่นและตัวคุณเอง

อาการตกไข่ทางร่างกาย:

  • มีความต้องการทางเพศสูงขึ้น
  • อุณหภูมิพื้นฐานร่างกายสูงขึ้น
  • ตกขาวมากขึ้น (ลักษณะคล้ายไข่ขาวดิบ)
  • ปวดหน่วงเล็กน้อยที่ท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง
  • ท้องอืดเล็กน้อย
  • คัดตึงเต้านม

หลังตกไข่จะเข้าสู่ระยะลูทีล ฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนลดลง แต่โปรเจสเตอโรนจะเพิ่มขึ้น โปรเจสเตอโรนหรืออาจจะเรียกว่าฮอร์โมนแม่ พร้้อมเตรียมมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์

แต่อารมณ์ที่ดูแลเอาใจใส่นี้ก็อาจเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นคนหงุดหงิด เหนื่อย วิตกกังวล ซึมเศร้า โกรธง่าย หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะช่วงปลายรอบเมื่อเอสโตรเจนต่ำ คุณอาจพบอาการของ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น:

  • อารมณ์แปรปรวนเพิ่มขึ้น
  • อยากอาหารมากขึ้น
  • ท้องอืด
  • ตัวบวมน้ำ
  • งุ่มง่าม
  • เหนื่อยล้า
  • ปวดหลัง
  • คัดตึงเต้านม
  • ปวดศีรษะ

อาการตกไข่: ด้านร่างกายและอารมณ์


อาการทางร่างกายและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่

ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงช่วงตกไข่กับอารมณ์ดีและความสุข เพราะระดับเอสโตรเจนสูงสุด

แต่กับบางคน การตกไข่ไม่ได้รู้สึกดีเสมอไป กลับมีอาการอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ใจหาย วิตกกังวล หรือซึมเศร้าด้วย ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ

การเริ่มต้นของระยะลูทีล

การตกไข่ใช้เวลาสั้นมาก อาจรู้สึกไม่ทันสังเกตว่าหมดเมื่อไรและเข้าสู่ลูทีล หลายคน โดยเฉพาะคนที่มี PMS รุนแรงหรือเป็น PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) จะรู้สึกว่ายากลำบากช่วงหลังตกไข่

ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน อาการซึมเศร้า ความกังวลสูง หรือแม้แต่ความคิดอยากฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจเริ่มต้นได้รวดเร็วทันทีหลังจากตกไข่สิ้นสุด

Advertisement


ความวุ่นวายของฮอร์โมน

บางทีสิ่งดีๆ ก็อาจมากเกินไป ฮอร์โมนเพศมีผลต่อสมองและสารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนิน การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนอาจรบกวนสมดุลของสารสื่อประสาท ทำให้เกิดอาการอารมณ์เหวี่ยง​หรือซึมเศร้าได้ การตกของฮอร์โมนแบบรวดเร็วยังอาจทำให้เซโรโทนินแปรปรวนและคุณรู้สึกไม่ปกติ

โรคทางจิตเวชแย่ลง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศอย่างฉับพลันอาจซ้ำเติมโรคทางจิตเวชที่มีอยู่ เช่น หากกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล PMDD สมาธิสั้น หรือแม้แต่ ไบโพลาร์ ความเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอาจทำให้อาการแย่ลง งานวิจัยพบว่าระยะลูทีลสัมพันธ์กับอารมณ์ที่แย่ลง:

งานวิจัย ‘Psychiatric Symptoms Across the Menstrual Cycle in Adult Women’ พบว่า “ความผิดปกติทางจิตเวชและอาการผิดปกติอื่นๆ จะพบบ่อยสุดในช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน โดยเฉพาะอาการทางจิตเภท ภาวะแมนิแอ หดหู่ ความคิดฆ่าตัวตายและความต้องการแอลกอฮอล์ ช่วงนี้ระดับความกังวล เครียด และการกินแบบล้นเกินจะสูงกว่าปกติ ผลกระทบของการสูบบุหรี่และโคเคนจะลดลงในระยะลูทีล แต่ข้อมูลอื่นๆ ยังขาดแคลน ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดสำหรับภาวะตื่นตกใจ PTSD บุคลิกภาพผิดปกติ และอาการวิตกกังวลอื่นๆ เพราะข้อมูลยังมีจำกัด”

รับมือกับอารมณ์แปรปรวนในช่วงตกไข่

การรับมือกับอารมณ์เหวี่ยงและอาการร่างกายระหว่างตกไข่และลูทีลเป็นโจทย์ที่ท้าทาย โดยเฉพาะหากคุณต้องทำงานหนัก เดินทาง รับโปรเจ็กต์ใหม่ๆ เลี้ยงลูก หรือมีภาระรับผิดชอบอื่น

แต่ธรรมชาติของรอบเดือนไม่เคยรอแผนงานของเรา อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเริ่มสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและปรับตัวตาม จะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น นี่คือเคล็ดลับดูแลตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับช่วงยากลำบาก

ติดตามรอบเดือน

จดบันทึกรอบเดือนเพื่อคาดการณ์ช่วงตกไข่ เมื่อรู้ปฏิกิริยาร่างกายตัวเอง คุณจะควบคุมมันได้ WomanLog มี เครื่องมือบันทึกรอบเดือน ฟรี เพื่อช่วยดูแลรอบเดือนและรู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App StoreGoogle Play และ AppGallery

ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

กินอาหารสมดุล เช่น ผักผลไม้ ธัญพืชโปรตีนไม่ติดมัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนให้พอเพียงและตรวจสอบระดับแร่ธาตุ-วิตามินอยู่เสมอ

วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ได้แก่ B6, B12, D, C, สังกะสี, แมกนีเซียม และแคลเซียม รับให้ครบด้วยอาหาร หรือปรึกษาแพทย์หากต้องการเสริม

ลดความเครียด

ฝึกผ่อนคลายด้วยการทำสมาธิ โยคะ หายใจลึก หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อต่อเนื่อง ระวังการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนและอาการ PMS ที่อาจทำให้คุณรู้สึกไม่ใช่ตัวเอง จำไว้ว่านี่เป็นเพียงระยะหนึ่งและมันจะผ่านไป

ดูแลตัวเอง

ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายและเติมความสุข เช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำ ฟังเพลง หรือสัมผัสธรรมชาติ ในช่วงลูทีลควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหักโหมและเครียดเกินไป

หากเป็นไปได้ เปลี่ยนจาก HIIT มาเดินเร็ว เล่นเวท โยคะ หรือพิลาทิส ที่ทำงานควรวางแผนและเตรียมงานล่วงหน้าแทนการประชุมหรือเปิดโปรเจกต์ใหญ่ๆ

ลดสารกระตุ้น

ลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์เพราะทำให้อารมณ์เหวี่ยงและวิตกกังวลมากขึ้น ถ้าขาดกาแฟไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็นมัทฉะหรือชาเขียวที่คาเฟอีนต่ำลงแต่ยังปลุกพลังได้

ขอความช่วยเหลือ

แบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อน ครอบครัว หรือพูดคุยกับนักจิตบำบัด ที่สำคัญ อย่ามองข้ามประสบการณ์ของตัวเอง หลายคนถูกบอกว่าปวดท้องหรือทุกข์ใจช่วงรอบเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่จริงๆ แล้วถ้าอาการรุนแรงควรตรวจสอบ เพราะอาจสื่อถึงปัญหาสุขภาพสตรีที่สำคัญ

สรุปส่งท้าย

การมีอารมณ์แปรปรวนช่วงตกไข่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และมันไม่ใช่เรื่องสวยงามเสมอไปสำหรับทุกคน สิ่งที่ควรจำไว้คือ ยังมีวิธีและสิ่งสนับสนุนให้คุณดูแลตัวเองได้

เมื่อลองสังเกตว่าอาการฮอร์โมนแปรปรวนกำลังส่งผลต่อสุขภาพจิตและกาย ควร...

  • ติดตามรอบเดือนของคุณ
  • ทานอาหารดีๆ และออกกำลังกาย
  • บริหารความเครียด
  • ดูแลตัวเอง
  • ลดสารกระตุ้น
  • และขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ

อย่าปล่อยให้ความผิดปกติเรื้อรังส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ขอให้ปรึกษาแพทย์ เลือกความสบายเป็นหลัก

เราเข้าใจดีว่าวงการแพทย์อาจไม่ได้ตอบสนองผู้หญิงเสมอไป แต่ปัจจุบันมีคุณหมอดีๆ หลายคนที่พร้อมรับฟังและหาทางช่วยเหลือคุณอย่างดีที่สุด

ดาวน์โหลด WomanLog ตอนนี้:

ดาวน์โหลดบน App Store

รับแอปบน Google Play

แชร์บทความนี้:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8906247/
https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0018506X19301333
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6265788/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK500020/
Advertisement


รู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อประจำเดือนเริ่มมาใช่ไหม? เธอไม่ได้อยู่คนเดียว ความรู้สึกหมดพลังงานก่อนและระหว่างมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติมาก ผู้หญิงหลายคนรู้สึกง่วงและอ่อนเพลียในช่วงเวลานี้ของเดือน การรับมือกับระยะนี้ให้ผ่านไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น เธอควรเข้าใจว่าร่างกายของเธอเกิดอะไรขึ้นและดูแลตัวเองให้ดี การหาทางออกสำหรับคือนอนไม่หลับในช่วงมีประจำเดือน คือการไขปริศนาความขัดแย้งหนึ่งข้อ: สิ่งที่ทำให้เหนื่อยล้ากลางวัน กลับทำให้นอนไม่หลับกลางคืน
สำหรับผู้หญิงหลายคน การขึ้นลงของน้ำหนักอาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ การเข้าใจเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยลดความรู้สึกนั้นลงได้
โดยความหมายแล้ว การมีประจำเดือนมาพร้อมกับการไหลของประจำเดือน ซึ่งเป็นการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นวัฏจักร เช่นเดียวกับที่เขียนไว้บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์อนามัยสำหรับผู้หญิง การไหลอาจเบา หนัก หรือ “ปกติ” แต่คำว่าปกตินั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละร่างกาย